พ่อแบม พยานปากสำคัญขอพูดบ้าง ทนอึดอัดใจมา 3 ปี เจอลุงพลในวันที่น้องชมพู่หายตัวไป
พ่อแบม ทนอึดอัดใจมา 3 ปี ให้ปากคำไปตามที่ตนเห็น เจอลุงพลในวันที่น้องชมพู่หายตัวไป กลับถูกข่มขู่หนัก ลุงพลอ้างบอกเคยช่วยไว้ตอนโดนคดี ที่แท้เป็นนักเลง อ่านข่าวเพิ่มเติม
นายวัชรินทร์ หรือ นายแบม พยานปากสำคัญที่ไขคดีน้องชมพู่ เปิดใจกับทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาว่า
ตนต้องอยู่กับความรู้สึกอึดอัดใจ เก็บความจริงอยู่กับตัวมา 3 ปี แม้จะให้การกับเจ้าหน้าที่ตามความเป็นจริงไปหมดแล้ว แต่ก็ต้องรอวันที่ศาลตัดสิน จนกระทั่ง วันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนเหมือนยกภูเขาออกจากอก และขอขอบคุณศาลมุกดาหารที่ให้ความยุติธรรมแก่น้องชมพู่
วันนี้ตนกล้าที่จะออกมาพูดให้สัมภาษณ์กับสื่อ เพราะศาลตัดสินแล้ว แม้จะเป็นศาลชั้นต้นแต่ก็ถือว่า คดีมีความชัดเจนมากขึ้น
สิ่งที่ตนให้การกับเจ้าหน้าที่นั้นเป็นความจริงตั้งแต่แรก และตนก็ยังตกใจหลังจากให้การกับเจ้าหน้าที่ในครั้งแรก ตนพูดไปแค่นิดเดียว แต่ว่า ลุงพลกลับไม่พอใจหนักมาก มาที่บ้านทำให้ตนตกใจ ทำให้ตนกลัว และเตือนว่าให้เปลี่ยนแปลงเวลาเพราะเวลานั้นเป็นเวลาเด็กหาย ตนจึงคิดว่า มันดูแปลก ๆ แต่ถ้าไม่พูดอะไร ก็กลัวจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นกับตนและครอบครัว
ตนจึงตัดสินใจพูดทุกอย่างกับเจ้าหน้าที่ นายแบม เล่าย้อนเหตุการณ์วันที่เกิดเรื่องน้องชมพู่หายตัวไปว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ช่วงเวลาประมาณ 09:00 น. นายแบมพบเห็นลุงพลอยู่ที่ป่าสวนยาง แต่อยู่ในลักษณะที่ผิดแปลก ไม่เหมือนมากรีดยางตามปกติ การกรีดยางไปด้วยด้อม ๆ มอง ๆ ไม่ได้สนใจการกรีดยางเหมือนปกติ เหมือนแอบเข้ามาหรือหลบใครบางคน
หลังจากนั้นตนก็ตะโกนคุยกับลุงพล และเดินเข้าไปหา ครั้งแรกก็คุยปกติดีทักทายกัน แต่พอคุยกันนานมากขึ้น ลุงพลก็เริ่มถามว่าทำไมไม่ไปไร่กับแม่แบม เวลาก่อนหน้านี้พ่อแบมไปทำอะไรที่ไหนมา นายแบมเลยตอบว่า “เมื่อกี๊ผมอยู่ตรงนี้อยู่ข้างบนตรงนี้ในป่าสวนยาง ลุงพลมีท่าทางตกใจ ถึงขั้นร้องเสียงหลงว่า “ฮะ! อยู่ตรงนี้หรอ”
จากนั้นก็พยายามสนทนาปกติ แต่ลุงพลมีท่าทางแปลก ๆ กระสับกระส่าย พยายามที่จะจบการสนทนาแล้วเดินจากจุดนั้นไป นอกจากนี้สิ่งที่น่าสงสัย พบว่าช่วงเวลาที่ตำรวจเตรียมจะเข้าค้นหาหลักฐานที่บ้านของลุงพลก็พบว่า ก่อนตำรวจจะเข้าที่บ้านของลุงพลมีการเผาสิ่งของ ซึ่งไม่รู้ว่าเผาอะไรแต่เผาเป็นกองขนาดใหญ่ มีกลุ่มเปลวไฟและควันจำนวนมาก
ตนก็แปลกใจเหมือนกันว่า ลุงพลและป้าแต๋นตั้งแต่อาศัยอยู่ที่นี่มาไม่เคยเผาอะไรเช่นนี้มาก่อน จึงเกิดความสงสัย
และเล่าอีกว่า หลังจากที่ตำรวจเข้าไปเก็บหลักฐานเสร็จ ลุงพล มาต่อว่าตน และจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย แต่โชคดีที่วันนั้นลูกชายของตนอยู่ที่บ้านด้วยจึงไม่กล้าก่อเหตุและพูดว่า “เป็นเพราะเจ้านี่แหละ ที่ไปบอกว่าเห็นข่อยในเวลาที่ชมพู่หาย”
นายแบมจึงบอกว่า “ผมไม่รู้ว่าเวลานั้นเป็นเวลาที่น้องชมพู่หาย แต่ผมรู้ว่าเป็นเวลาที่ผมเจอกับลุงพล” และจากนั้นลุงพลก็บอกให้นายแบมให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ใหม่ โดยให้เปลี่ยนเวลาที่เจอลุงพล ให้บอกกับตำรวจใหม่ว่าที่เจอกันวันที่ 9 พ.ย. หรือวันที่ 10 พ.ย.
และหากเป็นวันที่ 11 ก็ให้บอกว่าเราเจอกันในเวลาประมาณ 07:00 น. ให้บอกกับตำรวจว่าเจอลุงพลในเวลาประมาณ 7 โมง 10 นาที แต่ตนยืนยันว่า เจอเวลาไหนและพูดคุยอะไรก็บอกความจริงไปกับตำรวจตามนั้น
สำหรับ คำพิพากษาของศาลถือว่าคืนความยุติธรรมให้กับน้องชมพู่ ส่วนตนตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาก็มีหลายเรื่องเข้ามาแต่มีคดีนี้ก็อยู่มาอย่างทุกข์ใจ และหลังจากนี้ก็กังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะตนออกมาเปิดเผยความจริงที่เก็บงำมาตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี และบ้านของตนก็อยู่ใกล้กันกับบ้านลุงพล
อีกทั้งมีกลุ่มยูทูบเบอร์อาศัยอยู่จำนวนมาก บางครั้งก็เคยเตะข้าวของเข้ามาที่พื้นที่บ้านของตน และถืออาวุธเข้ามาหาตนถึงในบ้าน เพื่อจะทำร้ายตน ยอมรับว่ากังวลเรื่องความปลอดภัยมากเพราะศาลตัดสินแล้วว่า เขาเป็นคนผิดและตนเป็นคนหนึ่งที่ออกมายืนยันถึงเหตุการณ์วันนั้น จากนี้จะต้องระวังตัวให้มากกว่านี้
ส่วนเรื่องบุญคุณที่ลุงพลอ้างว่าขณะที่ตนติดคุกในข้อหาตัดไม้ ลุงพล คอยให้ความช่วยเหลือ นายแบมกล่าวว่าลุงพลบุกเข้ามาจะชิงตัวเองไปจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งถูกจับกุมในข้อหาตัดไม้ แต่ตนมองว่าเป็นการกระทำในลักษณะนักเลง ซึ่งเจ้าหน้าที่ถามว่าตนจะเลือกไปกับใคร ตนจึงตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและรับโทษจำคุก 11 เดือน
เรื่องราวทั้งหมดรวมถึงเรื่องคดีของน้องชมพู่ผ่านมาถึงวันนี้ ตนรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง และขอยืนหยัดอยู่บนความจริง พร้อมต่อสู้เพื่อความถูกต้องแบบนี้ต่อไป
เรื่องราวเพิ่มเติม
ขนม ศศิกานต์ ประกาศแยกทาง ครูเต้ย หลังเพิ่งคลอดลูกคนที่ 2
รวงข้าว ญาตาวีมินทร์ ยังแรงต่อเนื่องลิ่วรอบ 8 คนแบดมินตัน
เหรียญ USDT เครื่องมือฟอกเงิน ดิไอคอน ไข 1 คำถามตามยากจริง?