สมรักษ์ คำสิงห์ กับเส้นแบ่งพรากผู้เยาว์ เด็กอายุ 17 ปมสงสัยสมยอม หรือแบล็กเมล์
กลายเป็นประเด็นฉาวสำหรับ สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก หลังเด็กสาววัย 17 ปี แจ้งความกล่าวหาว่านักมวยดังได้ล่วงละเมิดทางเพศ ขณะเจ้าของฉายา “ไม่ได้โม้” ออกมายืนยัน ไม่ได้กระทำดังที่กล่าวหา พร้อมสู้คดี ด้าน “ทนายเกิดผล” มองว่าอดีตฮีโร่เหรียญทอง ต่อสู้ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ยาก แนะหาทางออกร่วมกับผู้เสียหาย อ่านข่าวเพิ่มเติม
สภ.เมืองขอนแก่น โพสต์แจงเหตุดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กว่า เมื่อเวลา 04.30 น. เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา เมื่อมีเด็กสาวอายุ 17 ปี 10 เดือน เดินทางมาร้องทุกข์ว่าถูกนาย ส.(นามสมมติ) อดีตนักมวยดัง พาไปอนาจาร พนักงานสอบสวนได้รับคำร้อง สอบปากคำเบื้องต้น เพื่อที่ไปรับเด็กสาวจากโรงแรม และได้ทำหนังสือส่งตัวให้ไปตรวจร่างกายที่ รพ.ขอนแก่น
อีกทั้งเตรียมเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย หลังจากข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป สมรักษ์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก ได้ออกมายอมรับว่า ได้พบกับเด็กสาวคนดังกล่าวจริง
ซึ่งพบกับเด็กสาวในสถานบันเทิงกลางเมืองขอนแก่น ก่อนพาไปยังโรงแรม เมื่ออยู่ในห้องพัก พอรู้ว่าเธอมีอายุเพียง 17 ปี จึงไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกัน จากนั้นน้องได้ให้เพื่อนมารับ แต่ได้ถ่ายรูปอดีตนักมวยดังส่งให้เพื่อน แล้วได้ทำการแจ้งความว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ
แม้ว่า สมรักษ์ จะออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการกระทำล่วงเกินแต่อย่างใด และได้หย่ากับภรรยามาแล้ว 2 เดือน แต่ญาติผู้ใหญ่ของเด็กสาวก็ออกมายืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สำหรับคดีที่เกิดขึ้น ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้ให้ข้อมูลในด้านกฎหมายว่า ตามหลักกฎหมายถ้าเด็กอายุ 17 ปี หรือต่ำกว่านั้น ถ้ามีการนำพาไปเพื่อทำอนาจาร ย่อมมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ถือเป็นคดีที่ไม่สามารถยอมความได้
ส่วนเรื่องการทำอนาจารผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 18 ปี อาจจะอ้างได้ว่าไม่รู้อายุ เพราะเป็นเหตุจากข้อเท็จจริงว่า ปกติสถานบันเทิงที่ สมรักษ์ ไปพบกับเด็กสาว ผู้ที่เข้าไปได้ต้องมีอายุเกิน 18 ปี แต่ในความผิดกรณีพรากผู้เยาว์จะไม่สามารถอ้างได้ เพราะผู้เสียหายเป็นพ่อแม่ หรือผู้ปกครองของเด็ก
“แม้ว่าอดีตนักมวยดังมีการอ้างว่าเด็กมีการยินยอม แต่ในทางกฎหมายแล้วการพาเด็กไปเพื่ออนาจาร หรือพรากผู้เยาว์ โดยที่พ่อแม่ หรือผู้ปกครองเด็กไม่ได้ยินยอม จะไม่สามารถอ้างว่าเด็กยินยอม ต่อให้ไม่ได้พาไปทำอะไร การพาเด็กไปเฉย ๆ ก็มีความผิดทางกฎหมาย
แม้ว่าจะมีการอ้างว่าถูกแบล็กเมล์ แต่พฤติกรรมที่ปรากฏ ถ้าไม่พาเด็กไปในที่ลับ ถึงอ้างว่าถูกแบล็กเมล์ก็ยังมีความผิด ในขณะเดียวกันอดีตนักมวยดังออกมาสัมภาษณ์ว่าพาเด็กไปที่โรงแรมจริง”
กรณีนี้ถือว่ามีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ไม่สามารถยอมความได้ ถ้าเป็นผู้ไม่เคยมีประวัติเสียหาย และเป็นบุคคลที่เคยทำคุณงานความดีต่อประเทศชาติ ศาลอาจจะเมตตาให้รอลงอาญาแต่ สมรักษ์ ต้องยอมรับและสำนึกก่อนจากนั้นต้องมีการเยียวยาและชดใช้ให้กับผู้เสียหาย ถ้ายืนยันต่อสู้คดีต่อ ก็จะเป็นเหตุไม่ให้รอลงอาญา
ในมุมมองของนักกฎหมายส่วนใหญ่จะมองคดีนี้ว่า สมรักษ์ ต่อสู้ยาก เพราะได้พาเด็กไปจริง และออกมายอมรับแล้วในเบื้องต้น แต่ถ้าไม่ได้พาเด็กไป แต่ถูกกล่าวหา จะสามารถต่อสู้คดีได้มากกว่านี้
เรื่องราวเพิ่มเติม
ดราม่าอาจารย์ ม.พะเยา ให้นักศึกษาลุยน้ำท่วม 2024 ไปเรียน
ครูเบญ สอบติดอันดับ 1 แต่ชื่อหาย สพฐ. สั่งเด้งผอ.สพม.สระแก้ว
น้ำโขงท่วมหนองคาย สูญเสียทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 500 ล้าน