มิ้นต์ ชาลิดา เดือด ฝรั่งเตะหน้าน้องชายวัย 30 ตร. แนะให้อภัย

มิ้นต์ ชาลิดา

มิ้นต์ ชาลิดา เดือด ฝรั่งรัสเซียเมาบุกทำร้ายเข้าเตะหน้าน้องชาย แต่ ตร. แนะให้อภัยเพื่อประเทศ

นางเอกสาว มิ้นต์ ชาลิดา – ม่อน ธนัชชัย เดือดชายชาวรัสเซียเมาบุกร้านทำร้ายน้องชาย ลั่นเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ ตร. แนะให้อภัย บอกให้ปล่อยไปรักษาภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทย อ่านผลข่าวเพิ่มเติม

ครอบครัวของนางเอกสาว มิ้นต์ ชาลิดา นั่งไม่ติดจนต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม หลัง มอส ราชัย วัย 30 ปี น้องชายของเธอถูกชายชาวรัสเซียบุกเข้าทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บหลายจุดถึงร้านอาหารย่านรัชดาซอย 3 ซึ่งเป็นธุรกิจของ ม่อน ธนัชชัย น้องชายอีกคน

มิ้นต์ ชาลิดา

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 67 มิ้นต์ และ ม่อน ธนัชชัย ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า ที่เกิดเหตุเป็นบาร์ร้านอาหารของ ม่อน ซึ่งติดกับโรงแรมขนาดเล็กของ มอส ได้มีกลุ่มชาวต่างชาติเข้ามาเช็กอินโรงแรม ก่อนที่ชายต่างชาติ 1 คน คล้ายมึนเมาพยายามเข้ามาในร้านอาหาร แต่พนักงานไม่อนุญาตให้เข้าเนื่องจากร้านใกล้ปิดแล้ว

อีกทั้งยังเห็นท่าทางของชายชาวต่างชาติที่ดูคล้ายกับคนมึนเมาจึงกังวลเรื่องความปลอดภัยแต่การสื่อสารอาจทำให้ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด เนื่องจากชาวต่างชาติรายดังกล่าวเป็นใบ้ และหูหนวก

หลังจากนั้นชาวต่างชาติพยายามหลบเข้าบริเวณหลังร้านซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้คนทั่วไปเข้าไปได้ ชายคนดังกล่าวยังได้มีการผลักหน้าพนักงานร้านเบา ๆ พนักงานเห็นท่าไม่ดีจึงมีการโทร. เรียก มอส ซึ่งเป็นพี่ชายของม่อน และเป็นเจ้าของโรงแรม ให้เข้ามาดูความเรียบร้อย

มิ้นต์ ชาลิดา

ช่วงเวลาดังกล่าวเหตุการณ์ดูเหมือนจะสงบลงแล้ว แต่ชายชาวต่างชาติกลับเดินลงมาจากโรงแรมอีกครั้งแล้วเข้ามาทำร้ายร่างกาย มอส น้องชาย มิ้นต์ โดยได้เตะเข้าที่บริเวณกราม ชกเข้าบริเวณใบหน้า กระชากเสื้อ ซึ่งน้องชายก็ได้พยายามยกมือไหว้ขอชีวิตแล้ว แต่ชายชาวต่างชาติก็ไม่มีท่าทีสลด ซึ่งชายชาวต่างชาติยังแสดง ท่าทางเหมือนมีอาวุธด้วย

หลังเกิดเหตุดังกล่าวจึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทันที ซึ่งตำรวจใช้เวลา 40 นาที ในการเดินทางมาถึง และไม่สามารถควบคุมคนก่อเหตุได้ในทันที จึงมีการประสานเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม และควบคุมไปยังสถานีตำรวจ

มิ้นต์-ชาลิดา เล่าต่อว่า ขณะอยู่บนสถานีตำรวจผู้ก่อเหตุยังคงไม่มีท่าทีสลด ยังเดินมาหาน้องชายที่นั่งอยู่ต่อหน้าตำรวจ และผู้ก่อเหตุไม่พกพาสปอร์ต มีเพียงชื่อที่สามารถให้ข้อมูลกับตำรวจได้เท่านั้น ก่อนจะปล่อยตัวผู้ก่อเหตุกลับบ้านไป

มิ้นต์ ชาลิดา

ด้านของตำรวจแจ้งว่าต้องรอคุณหมอเข้าในสัปดาห์หน้า จะใช้เวลาอีกราว 7 วัน ให้ทางเจ้าหน้าที่นิติเวชเข้าตรวจร่างกายของน้องชายของตน ซึ่งกว่าจะได้หมายเรียก ก็ถึงวันที่ผู้ก่อเหตุเดินทางกลับประเทศในวันที่ 3 ตุลาคม แล้ว ซึ่งอาการของผู้ก่อเหตุในตอนนั้นมันดูไม่ใช่การเมาปกติ อาจจะต้องมีการตรวจปัสสาวะเพิ่มเติมเพื่อหาสารเสพติด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ตรวจ

มิ้นต์-ชาลิดา เผยว่าสิ่งที่ตนกังวลที่สุดคือเรื่องนี้จะเงียบไป เนื่องจากทางตำรวจแนะนำว่าให้อภัยผู้ก่อเหตุเพื่อเห็นแก่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ

มิ้นต์ เผยว่า “คำพูดที่พูดกับเรากับน้อง เราเป็นคนไทยปล่อยไปเถอะต่างชาติ เพื่อประเทศไทยเราจะได้แบบไม่เป็นไรนะ เรามองว่า มันได้เหรอกับการที่ถูกเตะ ถูกทำร้ายร่างกาย แต่พูดว่าเราเป็นคนไทย เราต้องยอมต่างชาติ มันไม่ถูกต้อง ในการที่เราได้ยินจากน้องมาจากที่เราขึ้นกับผู้ต้องหาแล้ว แต่เราก็มีความสงสัยในคำตอบของทางตำรวจเหมือนกันว่ามันได้เหรอ”

มิ้นต์ และ ม่อน ยอมรับว่ารู้สึกโกรธมากกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาครอบครัวไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ พ่อแม่เห็นคลิปแล้วก็น้ำตาตกใน ลูกยกมือไหว้ฝรั่งขอชีวิตแล้วแต่ยังถูกเตะเข้าที่หน้า คือทางน้องก็บอกเราว่าไม่เจ็บ ไม่เป็นไรไม่อยากให้เราไม่เป็นห่วง

ส่วนตัวไม่อยากใช้ชื่อเสียงที่สร้างมากับเรื่องแบบนี้ แต่เพราะกลัวไม่มีความคืบหน้าของคดี และคนก่อเหตุจะลอยนวล จึงต้องออกมาปกป้องน้องชาย ตอนนี้เธอทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้พยายามสืบข้อมูลของผู้ก่อเหตุด้วยตัวเอง ไม่กังวลว่าภาพลักษณ์ของร้านจะเสีย เพราะต้นเหตุไม่ได้เกิดจากร้าน แต่เกิดจากตัวชาวต่างชาติร้ายดังกล่าวเพียงคนเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *