ช่วงหน้าร้อนของทุกปีหลายคนมักจะเห็นบิลค่าไฟผิดปกติไปจากเดิม โดยค่าไฟฟ้าในเดือนมีนาคม 2566 สูงขึ้นทั้งที่ประชาชนใช้ไฟฟ้าเท่าเดิม มีเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนเท่าเดิม ตัวเดิม แต่คุณสงสัยหรือไม่ว่าทำไมในบิลค่าไฟฟ้าจึงระบุว่า “จำนวนหน่วยไฟฟ้า” ที่ใช้เพิ่มขึ้น อ่านข่าวเพิ่มเติม
อุณหภูมิสูงขึ้นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำความเย็นก็จะทำงานหนักขึ้นเช่นกัน
การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ได้อธิบายปรากฏการณ์ “หน่วยไฟ” เพิ่มว่าหากตรวจสอบแล้วหน่วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้น แม้ว่าเราจะใช้ไฟเท่าเดิมไม่ต้องสงสัย เนื่องจากสาเหตุหลักจะมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องทำความเย็นประเภทต่าง ๆ จะ “กินไฟเพิ่ม” เมื่อมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น แม้ว่าเราจะใช้เท่าเดิม มีเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนชิ้นเท่าเดิม และระยะเวลาการเปิดใช้เท่าเดิม
สาเหตุมาจากหลักการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้นั้น จะพยายามทำความเย็น หรือทำอุณภูมิให้ได้เท่ากับที่เราตั้งค่าไว้ แต่เมื่ออากาศร้อนขึ้น เครื่องไฟฟ้าเหล่านี้จะต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิให้เท่าเดิมนั่นเอง จึงส่งผลให้แอร์หรือตู้เย็นทำงานงานหนัก คอมฯทำความเย็นก็จะทำงานตลอดโดยไม่ตัดเลย แม้ว่าจะใช้เวลาเท่าเดิมอย่างไรก็ตามอัตราการใช้ไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ค่าไฟแพงขึ้น (ร้อนขึ้น 1 องศา ค่าไฟขึ้น 3%)
หากลองเทียบบิลค่าไฟฟ้าโดยง่าย ด้วยการย้อนกลับไปดูหน่วยการใช้ไฟฟ้าเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งขณะนั้นอุณหภูมิเฉลี่ยในประเทศไทยอยู่ที่ 18-23 องศาเซลเซียส และเดือนมีนาคม 2566 บางวันอุณหภูมิจะสูงขึ้นไปถึง 38-40 องศาเซลเซลเซียสต่างกันถึง 20 องศาเซลเซียส
โดยสามารถคำนวณค่าไฟฟ้าง่าย ๆ ตามสูตรของการไฟฟ้าฯ ที่ได้มีการทดสอบการทำงานของแอร์ 1 ตัว ขนาด 12,000 บีทียู เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส จะทำให้อัตราการกินไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 3%
จากการทดสอบตั้งเครื่องปรับอากาศ :
- อุณภูมิภายในห้องที่ 26 องศาเซลเซียส มีอุณหภูมิภายนอกห้อง 35 องศาเซลเซียสต่อเนื่อง จะใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 0.69 หน่วย/ชั่วโมง
- แต่หากอุณหภูมิภายนอกห้องเพิ่มขึ้น 6 องศาเซลเซียส เป็น 41 องศาเซลเซียสต่อเนื่อง เครื่องปรับอากาศดังกล่าวจะใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 0.79 หน่วย/ชั่วโมง หรือเครื่องปรับอากาศจะใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 14%
จากผลการทดสอบดังกล่าว หากคำนวณเป็นค่าไฟฟ้าในอัตราเฉลี่ยหน่วยละ 3.9 บาท พบว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศ ในขณะที่อุณหภูมิภายนอกห้อง 35 องศาเซลเซียส จะทำให้เสียค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 2.69 บาท/ชั่วโมง ขณะที่การใช้พลังงานไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิภายนอกห้อง 41 องศาเซลเซียส จะทำให้เสียค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 3.08 บาท/ชั่วโมง
จากค่าไฟฟ้าที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น การใช้งานเครื่องปรับอากาศ 8 ชั่วโมง/วัน เป็นระยะเวลานาน 30 วัน จะพบว่าการใช้เครื่องปรับอากาศโดยมีอุณหภูมิภายนอกห้อง 35 องศาเซลเซียส จะมีค่าไฟฟ้าประมาณ 646 บาท แต่การใช้เครื่องปรับอากาศโดยมีอุณหภูมิภายนอกห้อง 41 องศาเซลเซียส จะมีค่าไฟฟ้าประมาณ 739 บาท ซึ่งมีราคาสูงกว่าเดิม 93 บาทต่อการใช้เครื่องปรับอากาศ 1 เครื่อง
ดังนัน จึงไม่น่าแปลกใจว่าเดือนมีนาคม-เมษายน ค่าไฟจะขึ้นไปขนาดไหน
คำแนะนำในการประหยัดค่าไฟ : ล้างเครื่องปรับอากาศปีละ 2 ครั้ง และเปิดพัดลมช่วยจะสามารถทำให้อุณหภูมิต่ำลง แอร์จะทำงานหนักน้อยลง
เรื่องราวเพิ่มเติม
ดราม่าอาจารย์ ม.พะเยา ให้นักศึกษาลุยน้ำท่วม 2024 ไปเรียน
ครูเบญ สอบติดอันดับ 1 แต่ชื่อหาย สพฐ. สั่งเด้งผอ.สพม.สระแก้ว
น้ำโขงท่วมหนองคาย สูญเสียทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 500 ล้าน