22/11/2024

ผลข่าว ข่าววันนี้ ข่าวล่าสุด อัพเดทข่าวสาร ข่าวสด

ผลข่าว อัพเดทข่าวสาร ข่าวสด ข่าววันนี้ ข่าวล่าสุด 24 ชั่วโมง

Nokia ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม ลดพนักงาน 14,000 ตำแหน่ง

Nokia

Nokia ลดพนักงาน 14,000 ตำแหน่ง หวังลดต้นทุน

วันที่ 19 ตุลาคม 2566 บริษัทโนเกียผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ของโลก ได้ประกาศแผนลดพนักงานทั่วโลก 14,000 ตำแหน่ง โดยคิดเป็นประมาณ 7% ของพนักงานทั้งหมด การดำเนินการนี้จะเริ่มขึ้นภายในปี 2567 เป้าหมายของการปรับลดพนักงานในครั้งนี้คือเพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน อ่านข่าวเพิ่มเติม

โนเกียเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของฟินแลนด์ เตรียมปลดพนักงานระหว่าง 9,000 ถึง 14,000 ตำแหน่งภายในสิ้นปี 2569 เพื่อลดต้นทุน

โนเกียระบุว่าการปรับลดพนักงานลงในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทในการมุ่งเน้นไปที่ตลาด 5G และเครือข่ายแบบไฮบริด การปรับลดพนักงานในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อพนักงานในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยบริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การลดพนักงานในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับแผนกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท

Nokia

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทรายงานว่ายอดขายลดลง 20% ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน

โนเกียเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยบริษัทกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทจีน เช่น Huawei และ ZTE อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคไปสู่การใช้มือถือและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของโนเกียเช่นกัน

Nokia

โนเกียเคยเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ล้มเหลวในการคาดการณ์ความนิยมของโทรศัพท์หน้าจอสัมผัสที่เปิดใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น iPhone ของ Apple และ Galaxy ของ Samsung และถูกคู่แข่งล้มลงจากตำแหน่ง

หลังจากขายธุรกิจโทรศัพท์มือถือให้กับ Microsoft ซึ่งยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์ได้ตัดออกไปในภายหลังโนเกียก็มุ่งเน้นไปที่อุปกรณ์โทรคมนาคม

Nokia

ในปี 2020 โนเกียกลายเป็นผู้รับผลประโยชน์รายใหญ่จากการ ที่ Huawei ถูกบล็อกจากเครือข่าย 5G ของสหราชอาณาจักร หลังจากบรรลุข้อตกลงเพื่อเป็นผู้ให้บริการอุปกรณ์รายใหญ่ที่สุดของ BT

แต่ผู้ผลิตอุปกรณ์ 5G ประสบปัญหาเนื่องจากผู้ให้บริการในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปลดการใช้จ่าย และเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Ericsson คู่แข่งชาวสวีเดนก็รายงานว่ายอดขายลดลงเช่นกัน

เครดิต BBC.COM