สรุปดราม่าปังชา ร้านดังยื่นฟ้อง เป็นจำนวนเงิน 102 ล้านบาท

สรุปดราม่าปังชา ข่าวร้านดังยื่นฟ้องร้านค้ารายย่อย

กรณีปังชาขึ้นเทรนด์ข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว หลังมีข่าวร้านดังยื่นฟ้อง ร้านค้ารายย่อยที่ใช้ชื่อว่า “ปังชา” เป็นจำนวนเงิน 102 ล้านบาท ล่าสุดร้านดังได้ออกมาชี้แจงพร้อมขอโทษแล้ว อ่านข่าวเพิ่มเติม

ทนายนิด้า โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงประเด็นดังกล่าว โดยแนบภาพอธิบายอย่างชัดเจน ระบุว่า ถ้าตามเอกสารฉบับนี้ มีความหมายว่า มีการยื่นคำขอจด เครื่องหมายนะคะ คือยื่นคำขอจดรูปภาพนี้ทั้งภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้หญิง ถ้วยชา พร้อมคำภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ปรากฏในภาพด้วย ในหมวดรายการสินค้าและบริการตามกรอบสีแดง

จากภาพประเด็นปัญหา คือคำว่า “ปังชา” ที่เป็นข้อโต้เถียงกันในขณะนี้ว่า เจ้าของใช้ได้คนเดียวในหมวดที่จดไว้นี้หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ใช่

เนื่องจากมีข้อจำกัดในการจดฯ ภาพในกรอบสีเขียว ดันมีคำที่ประชาชนทั่วไปควรจะสามารถใช้ได้ด้วย นั่นก็คือคำว่า “ปังชา” อันที่จริงก็ ชาไทยด้วย ก็คำมันสามัญ ที่ใช้กันมาตั้งแต่ร้านขายโอเลี้ยงนั่นเอง

ผู้ที่ขอจดจะต้องสละสิทธิที่จะใช้คนเดียว ตามหลักฐานที่ขีดเส้นใต้สีฟ้าไว้ การสละสิทธิ์มีความหมายว่าไม่สามารถห้ามคนอื่นใช้ข้อความที่ขอสละสิทธินั้นทั้งหมด แต่คนยื่นคำขอก็ยังสามารถใช้ได้ แต่ไม่ใช่คนเดียว แต่คนอื่นที่จะใช้ได้ ถ้าหากนำมาจัดวางในรูปแบบที่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเอาไว้ตามกรอบสีเขียว และเป็นสินค้าหรือบริการที่ใกล้เคียงกันยังสามารถห้ามได้อยู่

ดังนั้น หากพิจารณาตามคำขอนี้ คำว่า “ปังชา” ประชาชนทั่วไปยังสามารถใช้ได้โดยสุจริต โดยไม่มีสิทธิถูกฟ้องได้ แต่อย่าไปใช้บนรูปลักษณ์ของเครื่องหมายในกรอบสีเขียว ให้มีลักษณะเหมือนกัน คล้ายคลึงกัน โดยมีเจตนาฉกฉวยประโยชน์เพื่อให้เจ้าของเครื่องหมายเสียหาย แบบนี้มีสิทธิถูกฟ้องได้

ในเวลาต่อมาโพสต์อีกครั้ง เป็น #ปังชา EP.2 ยืนยันว่า คำขอนี้ ขอจดเครื่องหมายบริการในหมวด ตามกรอบสีแดง ตามรูปที่ขอจดทะเบียนไม่ได้มีคำภาษาไทยว่า “ปังชา” มีเพียงคำภาษาอังกฤษ ดังนั้นเจ้าของเครื่องหมายนี้ยิ่งไม่สามารถห้ามประชาชนไม่ให้ใช้คำว่า “ปังชา” ในการค้าขาย ชาไข่มุก น้ำแข็งไส เครื่องดื่มชา บริการร้านอาหารและเครื่องดื่มได้

ประชาชนทุกคนยังสามารถใช้คำว่า “ปังชา” ในการค้าขายสินค้าได้เหมือนเดิม เจ้าของเครื่องหมายนี้จึงไม่มีสิทธิฟ้องประชาชนคนอื่นที่ใช้คำว่า “ปังชา”ได้