ปวดหลังส่วนล่าง จะทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าวิตก
คาดการณ์ในอีก 27 ปีข้างหน้า ประชากรโลกที่ต้องทนทรมานกับอาการปวดหลังส่วนล่าง (low back pain) จะทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าวิตก โดยตัวเลขอาจพุ่งทะยานจาก 600 ล้านคนในปัจจุบัน พุ่งสูงขึ้นไปถึง 843 ล้านคน ภายในปี 2050 อ่านข่าวเพิ่มเติม
จากข้างต้นมาจากผลการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Lancet Rheumatology โดยทีมนักการสาธารณสุขนานาชาติ นำโดยแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ และออสเตรเลีย
โดยเผยถึงงานวิจัยที่เกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของอาการปวดหลัง-ส่วนล่าง ถือว่าเป็น “ภาระทางสุขภาพ” ที่หนักหน่วง ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ขยายและลุกลามของอาการดังกล่าวในหมู่ประชากรโลกที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
ดร.เจมี สไตน์เมตซ์ หัวหน้านักวิจัยด้านสุขภาพประชากร ประจำมหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐฯ กล่าวว่าอาการปวดหลัง-ส่วนล่างเป็นสาเหตุหลักอันดับ 1 ที่นำไปสู่ความพิการ ตลอดช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมา
จากผลการวิเคราะห์ทบทวนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในอดีตจำนวน 500 ชิ้น พบว่าหากองค์กรด้านสาธารณสุขทั่วโลกไม่มีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา เพื่อจัดการกับปัญหานี้อย่างเด็ดขาด จะทำให้ตัวเลขผู้ป่วยพุ่งขึ้นเป็นอย่างมากในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า
ผลวิจัยยังชี้อีกว่าปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ ความอ้วน, การสูบบุหรี่, และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ (ergonomics) ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดหลัง-ส่วนล่าง ซึ่งหากวงการสาธารณสุขสามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้จะสามารถช่วยลดภาระทางสุขภาพทั้งที่เป็นตัวเงินและคุณภาพชีวิตที่ต้องสูญเสียไปลงได้ถึง 39%
การสูบบุหรี่ทำลายระบบไหลเวียนโลหิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นเลือดฝอยที่เข้าไปเลี้ยงโครงสร้างส่วนย่อยของกระดูกสันหลัง เช่น ข้อต่อและหมอนรองกระดูกสันหลัง ทั้งยังทำให้เนื้อกระดูกอ่อนแอลง ส่วนด้านความอ้วนนั้นทำให้กระดูกสันหลังต้องแบกรับน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ทำให้บาดเจ็บและเกิดการอักเสบทั่วร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุของโรคข้ออักเสบได้ง่าย ทีมผู้วิจัยกล่าว
ดร.สไตน์เมตซ์ กล่าวว่า ความซับซ้อนทางกายภาพของกระดูกสันหลังมนุษย์ ทำให้การวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดหลัง-ส่วนล่างในแต่ละคนเป็นไปได้ยาก
ตัวอย่างเช่น แพทย์ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่า หมอนรองกระดูกหรือกล้ามเนื้อส่วนไหนกันแน่ที่มีปัญหา แม้จะได้ใช้เทคโนโลยีการสแกนหรือฉายภาพอวัยวะภายในที่ทันสมัยแล้วก็ตาม ทำให้หลายคนต้องทนทรมานกับอาการนี้ติดต่อกันนานหลายปี แม้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักหายได้ภายใน 6 สัปดาห์แรกของการรักษา
ผลการวิจัยชี้ว่า อาการปวดหลัง-ส่วนล่างพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า อีกทั้งยังเกิดกับคนชราที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปมากที่สุด แทนที่จะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานตามที่เคยเชื่อกันมา
ผู้วิจัยยังแถลงสรุปทิ้งท้ายด้วยว่า วงการแพทย์นั้นมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องคิดค้นและหาวิธีรักษาอาการปวดหลัง-ส่วนล่าง ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าการให้ยาแก้ปวดหรือการผ่าตัดตามเทคนิควิธีในปัจจุบัน ซึ่งมักจะไม่ได้ผลหรือได้ผลน้อยมาก
เครดิต BBC.COM
เรื่องราวเพิ่มเติม
บริษัท AstraZeneca ยอมรับวัคซีนโควิด19 เสี่ยงลิ่มเลือดอุดตัน
น้องแคร์หายตัว สาววัย 26 ปี หายตัวปริศนาถูกจับตัวที่มาเลเซีย
แพทย์นิติเวช เผยการเสียชีวิตผู้รับวัคซีนโควิด19 mRNA ไม่จริง