ตลอดสามฤดูกาลหลัง สิงห์บลูส์อาจไม่เคยขึ้นจ่าฝูงในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก แต่ถ้าเป็นตารางที่วัดจากจำนวนใบเหลืองและใบแดง พวกเขาคือจ่าฝูงแทบทุกปี
ซีซั่นนี้ก็ไม่ต่างกัน เพราะเชลซีสะสมมาแล้ว 15 ใบเหลืองและ 2 ใบแดง แม้เกมล่าสุดกับลิเวอร์พูลจะเป็นนัดแรกที่พวกเขาไม่โดนใบอะไรเลย แต่โค้ชอย่างเอ็นโซ่ มาเรสก้า กลับถูกไล่ออกจากสนามหลังโดนใบเหลืองที่สอง อ่านผลข่าวเพิ่มเติม
ซึ่งตลอดสามปีที่ผ่านมา สิงห์บลูส์คือทีมที่ได้ใบเหลืองมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกถึง 301 ใบ และยังได้ใบแดงรวม 12 ใบ ซึ่งมากเป็นอันดับสองรองจากวูล์ฟส์เท่านั้น ที่น่าสนใจคือใบเหลืองส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการเสียบหนักหรือการเข้าปะทะ
แต่เกิดจากพฤติกรรมอย่างการเถียงกรรมการ การพุ่งล้ม หรือการฟาวล์ตัดเกม ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นถึงความใจร้อนและความไม่สุขุมของนักเตะในสนาม
หากย้อนดูช่วงเวลาที่ทีมโดนใบเหลือง จะพบว่ามากกว่าครึ่ง เกิดขึ้นหลังนาทีที่ 75 โดยส่วนใหญ่เป็นการฟาวล์เพราะความเหนื่อยล้า การพยายามตัดเกม หรือการคุมอารมณ์ไม่อยู่ในช่วงท้ายเกม ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเชลซียังขาดความนิ่งเมื่อเกมเข้าสู่ช่วงกดดัน
นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดกับมาเรสก้าเพียงคนเดียว เพราะก่อนหน้านี้ทั้งทูเคิ่ล พ็อตเตอร์ แลมพาร์ด และโปเช็ตติโน่ ต่างก็เจอปัญหาเดียวกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันคือวัฒนธรรมในทีมที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขจริงจัง
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคืออายุเฉลี่ยของทีมที่น้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก นักเตะอย่างเอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โคล พาลเมอร์ และนิโคลัส แจ็คสัน ล้วนเคยโดนใบเหลือง เพราะการโต้เถียงกับกรรมการ
เมื่อผสมกับสไตล์การเล่นของมาเรสก้าที่ต้องการครองบอลและบีบพื้นที่สูง มันยิ่งทำให้นักเตะตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงฟาวล์เพื่อหยุดเกมบ่อยขึ้น และความผิดพลาดเล็กน้อยก็มักนำไปสู่ใบเหลืองได้ง่าย ๆ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังทำให้เชลซีต้องเจอกับปัญหานักเตะติดโทษแบนอย่างต่อเนื่อง เช่น ชาโลบาห์ที่ถูกแบนหนึ่งนัดจากใบแดง
จนมาเรสก้าต้องส่งเบอนัวต์ บาเดียชิล และดาวรุ่งอย่างจอช อาเชียมปง ลงเล่นในนัดกับลิเวอร์พูลแบบจำเป็น เมื่อทีมต้องขาดตัวหลักบ่อย เกมรับก็เสียสมดุล และสุดท้ายความผิดพลาดก็เกิดซ้ำ ๆ
ดังนั้น ปัญหาความมีวินัยของเชลซีในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของโค้ชหรือแท็กติกเพียงอย่างเดียว แต่มันคือวัฒนธรรมในทีมที่สะสมมาหลายปี ด้วยความที่ทีมเต็มไปด้วยนักเตะอายุน้อย
ถ้าไม่มีการปรับทัศนคติและความคิดของนักเตะ ต่อให้เปลี่ยนกุนซืออีกกี่คน เชลซีก็อาจยังคงเป็น “จ่าฝูงใบเหลือง” ต่อไป…
เครดิต pptvhd36