เดแคลน ไรซ์ ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก แต่บทบาทที่เขาเล่นให้กับ ปืนใหญ่ ในปัจจุบันนั้น
เมื่อไรซ์ย้ายจากเวสต์แฮมมา ปืนใหญ่ ด้วยค่าตัว 105 ล้านปอนด์ ในปี 2023 เขาใช้เวลาช่วง 6 เดือนแรกในฐานะ มิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้ง (Holding Midfielder) ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นบทบาท บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ (Box-to-Box) อย่างเต็มตัว หลังจากการเข้าแคมป์ฝึกซ้อมช่วงฤดูหนาวในเดือนมกราคม 2024
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สถิติเกมบุกของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และส่งผลให้ฤดูกาลที่แล้ว (ในวัย 26 ปี) เขาสร้างสถิติส่วนตัวที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้ง ด้วยการมีส่วนร่วมในการทำประตูถึง 19 ครั้ง (ยิง 9 ประตู กับ 10 แอสซิสต์) อ่านผลข่าวเพิ่มเติม
ตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมาทัพปืนใหญ่ได้เสริมทัพเอา มาร์ติน ซูบิเมนดี้เข้ามาร่วมทีม โดยซูบิเมนดี้ถือเป็นหนึ่งใน กองกลางตัวต่ำ (Deep-Lying Midfielder) ที่ดีที่สุดในยุโรป การมาถึงของเขาทำให้อาร์เซน่อลสามารถผลักดันไรซ์ให้เป็นกองกลางบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย
การมีซูบิเมนดี้ยืนอยู่ข้าง ๆ ทำให้ไรซ์ต้องลงไปยืนในตำแหน่งที่ลึกกว่าเดิมในการเริ่มเกมบุก แต่ในขณะเดียวกัน บทบาทนี้ก็ให้อิสระแก่เขาในการใช้ พลังการวิ่ง เพื่อเติมเกมรุกของอาร์เซน่อลได้อย่างเต็มที่
ฤดูกาลนี้ ไรซ์มีสถิติค่อนข้างดี ทั้ง จำนวนการพาบอลรวม ที่ 147 ครั้ง, การจ่ายบอลเข้าเขตโทษ (57 ครั้ง) และ การสร้างโอกาส (13 ครั้ง, เท่ากับ บูกาโย่ ซาก้า)
ผลงานที่พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ ทำให้ ปาทริค วิเอร่า อดีตกัปตันทีมอาร์เซน่อล ถึงกับยกย่องเขาว่าเป็น “กองกลางที่สมบูรณ์แบบ”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการสรรหานักเตะในวงการฟุตบอลระดับสูงให้ความเห็นกับ BBC Sport ว่า การมาของซูบิเมนดี้เป็นการ เติมเต็มไรซ์ได้อย่างลงตัว เขาบอกว่า
“การมาของเขาไม่ได้เปลี่ยนสิ่งที่ [ไรซ์] ทำได้ แต่ทำให้เขามีความสามารถที่จะเป็น ‘ผู้เล่นสารพัดประโยชน์’ มากขึ้น เขาเป็นคนที่ช่วยเกมโฮลดิ้งได้ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขาสามารถเก่งกาจในเฟสเกมบุกได้ด้วย”
ทีมชาติอังกฤษเองก็ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาของไรซ์เช่นกัน โดย โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมชาติ ก็ได้ให้ ไรซ์ ขยับขึ้นไปเล่นในตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยมี เอลเลียต แอนเดอร์สัน รับบทบาท ‘เบอร์ 6’ (ตัวรับ) แทน เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังการวิ่งของไรซ์ให้ได้มากที่สุด
ไรซ์ให้สัมภาษณ์หลังเกมชนะเวลส์ 3-0 ว่า:
“มันไม่ได้รบกวนผมเลยนะ ตอนนี้ผมคิดว่าผมเป็น กองกลางเบอร์ 8 แบบบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ มากกว่า ผู้จัดการทีม [อาร์เตต้า] ปรับตำแหน่งของผมที่อาร์เซนอลเล็กน้อยในปีนี้ เพื่อให้ผมมีอิสระในการถอยไปยืนลึก แต่ก็มีโอกาสเติมเข้าเขตโทษด้วย”
“นั่นเหมาะกับผมมากในฝั่งซ้ายของแดนกลาง ผมอยากเป็น กองกลางที่เล่นได้รอบด้าน (All-round-action Midfielder)”
ที่อาร์เซน่อล พวกเขามักจะสร้างความได้เปรียบด้านจำนวนผู้เล่นในแนวรุก (Overload) โดยการดันผู้เล่นขึ้นไป 5 คนในแนวรุก (เมื่อเจอกับทีมที่ใช้หลังสี่คน) ซึ่งทำให้ต้องมีผู้เล่นต้องลงมาสนับสนุนเกมรับเพียง 2 คนในแนวกลาง
สิ่งนี้ทำให้อาร์เซน่อล คงไรซ์ไว้ในตำแหน่งที่ยืนลึกคู่กับซูบิเมนดี้ และเล่นในรูปทรง 3-2-5 ในขณะครองบอล แม้ว่าบางเกมพวกเขาจะให้แบ็กซ้ายหุบเข้ามายืนข้างกองกลางตัวรับแทน แต่สุดท้ายก็ยังคงสร้างรูปแบบ 3-2-5 อยู่ดี โดยให้ไรซ์ดันสูงขึ้นไปในพื้นที่ฝั่งซ้าย
อาร์เซน่อลเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยม เสียไปเพียง 3 ประตู เก็บคลีนชีตได้ 8 นัด และแพ้เพียงนัดเดียวจาก 11 นัดแรก และยังคงนำเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีกเหนือนำแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 3 แต้มหลังผ่านไป 8 เกม
อาร์เตต้าหวังที่จะก้าวไปอีกขั้นหลังจบอันดับสองมา 3 ปีซ้อน และผลงานที่สมบูรณ์แบบของ เดแคลน ไรซ์ จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ความฝันนั้นเป็นจริง…