พรรคก้าวไกล ชี้ “แก้ไข ม. 112 ไม่เท่ากับล้มล้างสถาบัน” สำหรับการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญช่วงบ่ายของวันนี้ จะยังไม่ไปไกลถึงขั้นยุบพรรค ก.ก. เนื่องจากนายธีรยุทธ ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยใน 2 ข้อ อ่านข่าวเพิ่มเติม
นายธีรยุทธ ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยใน 2 ข้อ ได้แก่
- สั่งให้เลิกการดำเนินการใด ๆ หรือการกระทำใด ๆ เพื่อยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112
- สั่งให้เลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ที่กระทำอยู่ และเลิกดำเนินการใด ๆ หรือการกระทำใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
หากพิจารณาจากคำร้องแล้ว นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. วิเคราะห์ว่า คำวินิจฉัยของศาลน่าจะออกได้ 3 แนวทางคือ 1. สั่งยกคำร้อง 2. สั่งตีกรอบเนื้อหาในการแก้ไขมาตรา 112 3. สั่งให้ยกเลิกการกระทำ
“เป็นไปไม่ได้เลยที่กระบวนการนิติบัญญัติคือการเสนอแก้ไขกฎหมายหรือเสนอร่างกฎหมายใหม่จะนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง
เนื่องจากจะต้องผ่านกระบวนการเสียงข้างมากใน สส. และ สว. และต่อให้ผ่านรัฐสภาไปได้ ก็ยังมีกระบวนการตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญโดยศาลรัฐธรรมนูญทั้งก่อนและหลังประกาศใช้เป็นกฎหมาย ดังนั้นโดยกระบวนการได้วางกลไกป้องกันไม่ให้ออกกฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว” นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาวันที่ 27 ม.ค. พรรคก้าวไกลได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 7.58 นาที ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กของพรรค พร้อมข้อความบรรยายตอนหนึ่งว่า “ปฏิรูป ต้องไม่เท่ากับล้มล้าง แก้ไข 112 ไม่เท่ากับล้มสถาบัน แต่คือหน้าที่ตามระบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา”
พรรคก้าวไกล ชี้ “แก้ไข ม. 112 ไม่เท่ากับล้มล้างสถาบัน” เกิดข้อโต้แย้งระหว่าง ผู้ร้อง-ผู้ถูกร้อง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาว่ากระทำการเข้าลักษณะองค์ประกอบความผิดตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 19/2564 เมื่อ 10 พ.ย. 2564 หรือที่รู้จักในชื่อ “คดีทะลุเพดาน”
ในคดีดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ ที่ปราศรัยบนเวทีการชุมนุมของกลุ่ม “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 กระทบต่อสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ และการใช้สิทธิหรือเสรีภาพของผู้ถูกร้องทั้ง 3 ประกอบด้วย
นายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” “เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยไม่สุจริต เป็นการละเมิดกฎหมาย มีมูลเหตุจูงใจเพื่อล้มล้างการปกครอง” จึงมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้ง 3 รวมทั้งกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
ซึ่ง 1 ใน 10 ข้อเรียกร้องของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ คือ ให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ “คดีทะลุเพดาน” ระบุตอนหนึ่ง เกี่ยวกับข้อเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 ว่า “การให้มีการยกเลิกกฎหมายที่ห้ามเข้าไปล่วงละเมิด หมิ่นประมาท หมิ่นพระบรมเดชานุภาพสถาบันพระมหากษัตริย์ จะส่งผลกระทบต่อสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ และนำไปสู่การบ่อนทำลายการปกครองในที่สุด”
จุดนี้ที่ทำให้นายธีรยุทธตีความว่า ก้าวไกลกระทำการฝ่าฝืนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีผลผูกพันทุกองค์กร จากการเสนอให้ “ยกเลิก” มาตรา 112
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกล อธิบายแก้ข้อกล่าวหาว่า พวกเขาไม่ได้ให้ยกเลิกมาตรา 112 แต่เสนอแก้ไขเพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ธำรงอยู่คู่สังคมประชาธิปไตย โดยมีจุดประสงค์เพื่อ
1. สร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองประมุขของรัฐกับการคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน
2. ปรับการลงโทษในฐานความผิดนี้ให้ได้สัดส่วนกับพฤติการณ์การกระทำผิด
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เชื่อ "ก้าวไกลจะไม่ถูกยุบ"
เช้าวันนี้ 31 ม.ค. 67 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้ากล่าวว่า “เชื่อมั่นว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ถูกยุบ ยังไงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ไปไม่ถึงจุดนั้นอยู่แล้ว” ธนาธร อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกศาล รธน. สั่งยุบพรรค และตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ให้สัมภาษณ์
อีกทั้งเขายังแสดงความเห็นถึงการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า เป็นสิ่งที่ควรทำได้
“กฎหมายไม่ได้ถูกส่งแฟกซ์มาจากพระเจ้า กฎหมายถูกร่างด้วยมือมนุษย์ ดังนั้น ในเมื่อมันร่างด้วยมือมนุษย์แล้ว มนุษย์ก็ต้องแก้ไขมันได้” เขากล่าว
“ถ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเรียกได้เต็มปากว่า เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่สามารถแก้ไขกฎหมายได้ ผมคิดว่าคงมีอะไรไม่ปกติแล้วล่ะกับประเทศนี้” เขากล่าว
เครดิต BBC.COM
เรื่องราวเพิ่มเติม
ดราม่าอาจารย์ ม.พะเยา ให้นักศึกษาลุยน้ำท่วม 2024 ไปเรียน
ครูเบญ สอบติดอันดับ 1 แต่ชื่อหาย สพฐ. สั่งเด้งผอ.สพม.สระแก้ว
น้ำโขงท่วมหนองคาย สูญเสียทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 500 ล้าน