มาริโอ้ เมาเร่อ คัมแบ็กจอเงิน เล่นหนังในรอบ 3 ปี
นักแสดงหนุ่ม มาริโอ้ เมาเร่อ คัมแบ็กจอเงิน เล่นหนังในรอบ 3 ปี ตื่นเต้นรับบทไรเดอร์ ประกบ ฟรีน สโรชา ดีใจวงการภาพยนตร์กลับมาเฟื่องฟูอ่านผลข่าวเพิ่มเติม
กลับมารับงานภาพยนตร์อีกครั้งในรอบเกือบ 3 ปี สำหรับพระเอกหน้าหล่ออารมณ์ดี มาริโอ้ เมาเร่อ ที่ล่าสุดมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว “ไรเดอร์” ภาพยนตร์สยองฮาส่งท้ายปีของ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ แฮปปี้ แมน สตูดิโอ วันนี้ (14พ.ย.67) ที่ บ.สหมงคลฟิล์มฯ ซอยพหลโยธิน 2
หลังจบงานแถลงข่าว มาริโอ้ ได้เปิดใจถึงการรับบทบาทใหม่ที่ท้าทาย ก่อนเผยเหตุผลที่กลับมารับงานหนังอีกครั้ง พร้อมบอกเล่าความรู้สึกที่ได้เห็นวงการภาพยนตร์ไทยกลับมาเฟื่องฟู
ถามถึงการกลับมารับงานภาพยนตร์อีกครั้ง? “ดีใจครับได้กลับมาเล่นภาพยนตร์อีกครั้งหนึ่งในรอบ 2-3 ปี ครั้งนี้ก็กลับมาในเรื่อง “ไรเดอร์” เล่นกับน้องฟรีน(สโรชา), เซียนหรั่ง และพี่ดีเจอาร์ต(มารุต) จริงๆ ผมอยากร่วมงานกับพี่กังฟู (ผกก.) เพราะว่าเคยทำงานกับพี่เขาตั้งแต่ผมเด็กๆ พอพี่เขามีโปรเจ็กต์นี้ผมก็รู้สึกว่าน่าสนใจดีเพราะว่าในเรื่องได้เป็นไรเดอร์ด้วย ซึ่งทุกวันนี้ไรเดอร์ก็เป็นอาชีพที่เราเห็นเต็มไปหมด แล้วก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่เจอผีมากที่สุดจากที่เขาสำรวจมา”
ปกติเป็นคนชอบขี่มอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว แต่การมารับบทเป็นไรเดอร์ต้องทำการบ้านเพิ่มเติมตรงส่วนไหนไหม? “มีครับ ทั้งเรื่องของการเทสต์อุปกรณ์ต่างๆ เวลาขี่ เวลาใส่มือถือในการดูแผนที่ มีหูฟัง มีเคสที่จับใส่มือถือคือเป็นไอเท็มที่ห้ามขาด แจ็กเก็ตที่ขาดไม่ได้ และอีกหลายอย่างเลย (ต้องใช้บริการไรเดอร์บ่อยๆ ไหมเพื่อจะได้ศึกษาพฤติกรรม?) ไม่ถึงขนาดนั้นนะครับ เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะมีการเวิร์กช็อปเรื่องของการเข้ากันของตัวละครมากกว่า ส่วนไรเดอร์เราก็พยายามสังเกตเอา แต่ไม่ถึงกับโทรเรียกเขามาแล้วมาดูนะครับ(หัวเราะ)”
แค่ตัวอย่างที่ออกมา หลายคนบอกว่าเคมีเข้ากับน้องฟรีนดีมาก? “น้องฟรีนก็ช่วยผมได้มากเหมือนกัน ขนาดเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับน้อง แต่มันมีหลายหลายซีนเลยที่เล่นด้วยกันแล้วรู้สึกประทับใจ จริงๆ ตัวน้องเป็นคนน่ารักอยู่แล้ว แต่ตอนเล่นก็รู้สึกว่าเขามีเสน่ห์เพิ่มขึ้นไปอีก แล้วก็มีการคอนเน็กต์กันได้ด้วยระหว่างตัวละคร 2 ตัว อีกอย่างน้องเป็นคนค่อนข้างเปิดด้วย พอคอนเน็กต์กันแป๊บเดียวมันก็คลิกกันแล้ว เรามีครูที่ช่วยสอนด้วยทำให้เราเจอกันได้ง่าย เรียนรู้กันได้เร็ว เพราะว่าเพิ่งเจอกันแป๊บเดียวเราก็ต้องถ่ายแล้ว”
ฉากกุ๊กกิ๊กล่ะ? “ก็มีอยู่ แต่มันก็ยากนะครับเพราะว่าตัวละครในเรื่องมันมีช่วงที่เจอกันไม่ได้เยอะมาก แต่ความรักความคิดถึงมันค่อนข้างเยอะในตัวละครตัวนี้ บางทีมันก็ต้องบิลด์อัพขึ้นมา เพราะตอนถ่ายฟีลมันยังไม่มาเลย แต่ก็โชคดีที่ได้ทั้งผู้กำกับและน้องฟรีนช่วยด้วย”
ช่วงนี้กระแสหนังไทยกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งหนึ่ง คาดหวังว่าอานิสงส์มาถึงหนังของเราด้วยไหม? “ผมดีใจนะครับไม่ว่าจะเป็นหนังเรื่องไหนก็ตาม ขอให้เป็นหนังไทยแล้วประสบความสำเร็จ คนไทยกลับมาดู เพราะว่ามันก็เป็นหนังของเราทั้งหมด อยากให้คนไทยสนับสนุนหนังไทยกันเองก่อนเลย มาดูหนังไทยกันเยอะๆ ยิ่งช่วงนี้กระแสกลับมาแล้วด้วยก็อยากให้กลับมาอีกเรื่อยๆ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่รออยู่ หนึ่งในนั้นคือไรเดอร์(ยิ้ม) 10 ธ.ค.นี้”
ในฐานะนักแสดงชื่นใจไหมที่กระแสของภาพยนตร์กลับมาอีกครั้ง? “ชื่นใจครับ เราอยู่มาก็จะเห็นว่ามันมีทั้งตอนขึ้นและตอนลง ทุกอย่างก็เป็นตามธรรมชาติ แต่อย่าเรียกว่าผมผ่านมาทุกยุคเลยนะ เพราะผมเองก็มายุคหลังๆ แล้วเหมือนกัน (หัวเราะ)”
ช่วงนี้เหมือนสลับกัน หนังกลับมาเฟื่องฟู แต่ละครซบเซา? “ก็อย่าไปพูดถึง (แกล้งพูดเสียงสั่น) มันสะเทือนใจ แต่อย่างที่บอกว่ามันก็เป็นธรรมชาติ ทุกอย่างมีขึ้นมีลงอยู่แล้ว อาจจะสลับกันบ้างก็เป็นไปได้ (เราเล่นได้ทั้งหนังและละคร?) ถ้าคนรู้จักโอ้จริงๆ ก็จะรู้ว่าโอ้มาจากภาพยนตร์ เลยเป็นอะไรที่เราก็แฮปปี้ได้กลับมาเล่นภาพยนตร์ครั้งหนึ่ง”
เครดิต khaosod.co.th
เรื่องราวเพิ่มเติม
เบนซ์พรชิตา คุณแม่ลูก 3 คัมแบ๊ก ปล่อยภาพเซ็ตอวดหุ่นแซ่บ
กอล์ฟ พิชญะ โพสต์รูปสุดหวาน อวยพรวันเกิดสาวคน 1
กองทัพ พีค แพลนปล่อยเพลง ละครปี 2568 แชร์ทริกเติมแพชชั่น