2คำพูดทำ แอร์ ภัณฑิลา นอยด์ถึงขั้น ร้องไห้ ถูกชาวเน็ตวิจารณ์

แอร์ ภัณฑิลา

2 คำพูดทำ แอร์ ภัณฑิลา นอยด์ถึงขั้น ร้องไห้ ถูกชาวเน็ต ป้าข้างบ้าน วิจารณ์ลูก อ้วน เกินไป

ขยับบทบาทเปลี่ยนโหมดชีวิตมาเป็นคุณแม่ยังสาว พิธีกรสดใสเบอร์แรง แอร์ ภัณฑิลา เป็นอีกหนึ่งคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกสาว น้องฑิลาร์ ท่ามกลางยุค Chat GPT และสังคมชาวเน็ตป้าข้างบ้าน พี่เลี้ยงชาวโซเชียลคอยวิพากษ์วิจารณ์อ่านผลข่าวเพิ่มเติม 

ล่าสุด แอร์ ภัณฑิลา ควงลูกสาวสุดน่ารักมาเปิดพัฒนาการ เม้าท์มอยผ่านรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” ช่องเวิร์คพอยท์หมายเลข23 กับพิธีกรตัวแม่ “พี่หนูแหม่ม สุริวิภา” พร้อมเปิดอกเปิดใจตอบดรามา การเลี้ยงลูกด้วยตัวเองแต่ก็ต้องจิตตกกับคอมเมนต์ชาวเน็ตถึงขั้นน้ำตาแตกเลยทีเดียว

แอร์ ภัณฑิลา

เลี้ยงลูกตอนนี้ต้องเจอกับสังคมชาวเน็ต ป้าข้างบ้านคอมเมนต์การเลี้ยงลูกของเราผ่านโซเชียลเสมอ ?
“คือหนูต้องบอกตรงๆ ว่า เวลาที่มีใครแนะนำอะไรเข้ามา เค้าหวังดีแหละ พื้นฐานมันมาจากความหวังดี อย่างเช่น เด็กไม่ควรมัดผมแบบนี้นะเพราะกระหม่อมมันบาง ลูกอ้วนไปหรือเปล่า ทำไมจับลูกนอนแบบนี้ ทำไมอุ้มแบบนี้ กินนมแบบนี้ คือแบบว่ามาเต็มหลายสำนักมาก มาหลายตำรา”

พออ่านคอมเมนต์แรงๆ แล้วรู้สึกยังไงบ้าง ?
“นอยด์ค่ะ ร้องไห้เลย หนูรู้สึกว่าความหวังดี แต่สัญชาตญาณของแม่ทำไมเราผิด มันดูไม่เวิร์คเหรอ ทำไมคนนี้บอกว่าใช่คนนี้บอกว่าไม่ใช่ ทำไมคนต้องมาบอกว่าลูกอ้วนเกินไป”

แอร์ ภัณฑิลา

ทำไมถึงเลือกที่จะอ่านข้อความ ทั้งที่ช่วงเป็นแม่ฮอร์โมนมันตก ?
“หนูคิดว่าหนูมีภูมิต้านทานที่ดี (หัวเราะ) คิดว่ามีภูมิต้านทานที่ดีมาตลอด จนรู้ว่าฉันฮอร์โมนตกแล้ว วันนั้นร้องไห้นั่งเสียใจมาก ว่าฉันเป็นแม่ที่ไม่ดีเหรอ เก็บทุกคอมเมนต์ที่ว่ามาคิด คอมเมนต์ที่ชมลูกเราน่ารักเราไม่เห็นเลย รู้สึกนอยด์เสียใจมาก”

แล้วกลับมาตั้งสติแข็งแรงได้เอาตอนไหน ?
“มันเหมือนกับว่าโดนบ่อยๆ บวกกับว่าฮอร์โมนมันเริ่มกลับมาปกติ มันก็ดีขึ้นนะ ทุกวันนี้เรามองกลับไป คิดว่าเค้าแค่หวังดี เอาจริงๆ มันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย มันอยู่ที่เรา วันนั้นที่ใจเราอ่าน พลังใจเราอาจจะยังไม่พร้อม มันยังไม่แข็งแรง ณ วันนั้น”

เห็นว่าลงทุนไปเรียนจิตวิทยาเด็กด้วย อันนี้เรียนด้วยเหตุผลอะไร ?
“หนูจะบอกว่าตอนนี้มันมีข้อมูลหลายสำนักแหละ ที่เราสามารถหาอ่านง่ายๆในการเลี้ยงลูก สงสัยอะไรถามChat GPTก็ได้ สงสัยอะไรเสิร์จไปก็จะเจอ แต่สิ่งหนึ่งที่หนูค้นพบเลยว่าตำราอาจจะไม่เหมือนกัน หมอคนนั้นพูดแบบนี้ คนนี้พูดแบบนี้ ตรงกลางคืออะไร อะไรที่เหมาะกับบ้านเรา ก็เลยไปเรียน ตัดสินใจหาอะไรที่โอเคเหมาะกับเรา คือหนูพึ่งทุกสำนักไม่ได้หรอกแต่เลือกที่จะหยิบเอา”

ได้เรียนรู้อะไรจากการไปเรียนจิตวิทยาเด็ก ?
“อย่างเช่นข้อคิดจากคุณหมอ ปกติแทนก็จะบอกว่าเด็กดูจอไม่ได้เลย แอร์ก็สงสัยว่าดูจอ กับเห็นจอแตกต่างกันยังไง บางทีอยากรู้ว่าเหตุผลของการดูจอไม่ได้มันคืออะไร พอไปศึกษาก็คือภาพมันตัดเร็วเกินไป เฟรมเลทมันเกินไป หรือบ้างเรื่องไม่เหมาะกับช่วงวัย และเป็นการสื่อสารด้านเดียว จอพูดตลอดเวลาและเค้าไม่มีโอกาสตอบโต้”

ข้อคิดหลักที่ได้จากการไปเรียนหลักจิตวิทยาเด็ก เอามาปรับใช้กับการเลี้ยงลูก ?
“หัวใจหลักๆในการเลี้ยงเด็กจริงๆเลยมันมีอยู่3 ข้อ อย่างเวลาเราเห็นเด็กลงไปดิ้นที่พื้น อยากได้นู้นอยากได้นี้ บางครั้งจะคิดว่าลูกฉันมีปัญหาลูกฉันดื้อ แต่พอหนูเรียนปุ๊บหมอก็จะพูดเลยว่าไม่ใช่ปัญหาขอลูกคุณคนเดียว

มันคือพฤติกรรมตามวัยของเด็กทุกคน เด็กทุกคนในวัยนี้เค้าเริ่มแสดงตัวตนออกมา อย่าไปว่าเค้า เค้ากำลังแสดง และเค้าก็ไม่รู้ว่ามารยาทคืออะไร เราจะไม่ห้ามลูกทุกๆอย่างค่ะ ถ้าเราห้ามเค้าทุกอย่างเค้าจะไม่มีตัวตนของเค้าเลย อย่านู้นอย่านี้ เปลี่ยนจากคำว่าอย่าวิ่ง เป็นเดินช้าๆนะลูก ซึ่งในวัยของเค้าบางทีมันคิดต่อไม่ได้ เก็บคำสงวนคำ ไม่..ห้าม..อย่า..หยุด”

แอร์ ภัณฑิลา

เครดิต sanook.com