21/09/2024

ผลข่าว ข่าววันนี้ ข่าวล่าสุด อัพเดทข่าวสาร ข่าวสด

ผลข่าว อัพเดทข่าวสาร ข่าวสด ข่าววันนี้ ข่าวล่าสุด 24 ชั่วโมง

John Wick 4 หนังแอ็กชันสุดบู๊กับ “เบื้องหลังที่คุณยังไม่รู้”

John Wick 4

John Wick 4 หนังแอ็กชันทุ่มทุนสร้าง 10 เบื้องหลังที่คุณยังไม่รู้

John Wick ใช้ทุนสร้าง 20 ล้านเหรียญ โดยมีอดีตสตันท์แมนมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ และได้ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) มารับบทเป็นอดีตนักฆ่าที่มีฝีมือเยี่ยม การกลับคืนสู่วงการเพราะ ‘หมา’ ตัวเล็ก ๆ จนกลายเป็นหนังแอ็กชันสุดบู๊ที่ล่าสุดมีถึงถึง 4 ภาค อ่านข่าวเพิ่มเติม

John Wick 4 หนังแอ็กชันสุดบู๊ที่ถูกขยายมาถึงภาค 4

เปิดความลับที่ไม่มีใครรู้จากหนังบู๊ทุ่มทุนสร้าง John Wick 4 

1. ชื่อหนัง John Wick เกิดขึ้นจาก คีอานู รีฟส์

เดเร็ก โคลสตาด (Derek Kolstad) ผู้เขียนบทหลักของเรื่องนี้ เขากล่าวว่า ในบทร่างฉบับแรก ๆ ก่อนหนังจะได้ชื่อว่า John Wick นั้น พวกเขาเคยตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า ‘Scorn’ หรือที่แปลว่า “ดูถูก” มาก่อน

เดิมทีเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของนักฆ่าแก่ ๆ อ้วน ๆ ในวัย 60 กลาง ๆ ซึ่งเขาถูกดูถูกจากสมาชิกคนอื่นในสมาคมนักฆ่า แต่ระหว่างการบรีฟบทกับ คีอานู รีฟส์ เขามักจะเรียกชื่อหนังว่า ‘John Wick’ อยู่ตลอด

John Wick 4

เมื่อ คีอานู รีฟส์ พูดผิดบ่อย ๆ เข้า รีฟส์จึงแนะนำให้ทีมงานเปลี่ยนชื่อหนัง ด้านของโคลสตาดและทีมการตลาดเอง ก็รู้สึกว่า คำคำนี้ติดหูเป็นอย่างมาก สุดท้ายพวกเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ และเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของ จอห์น วิก ใหม่ ให้มีความดิบ จริงใจ และดูดีกว่าตัวละครในร่างแรก แน่นอนว่าทีมเขียนบทก็ได้พัฒนาเนื้อหาบทขึ้นมาใหม่ โดยเบนเข็มมาโฟกัสที่เรื่องราวสุดสะเทือนใจ อันเป็นเหตุให้นักฆ่า จอห์น วิก ที่วางมือไปแล้ว ต้องออกมาเพื่อล้างแค้นอีกครั้งแทน

ที่มาของชื่อ จอห์น วิก นั้น เดเร็ก โคลสตาด เล่าว่า มันคือชื่อของคุณตาของเขา ส่วนชื่อ เฮเลน ภรรยาของจอห์น วิก ในเรื่องนั้น ก็เป็นชื่อของคุณยายเขาเช่นกัน

2. คีอานู รีฟส์ ไข้ขึ้น 40 องศาฯ ขณะที่เขาถ่ายฉากสำคัญ

จากการให้สัมภาษณ์ของผู้กำกับในสารคดีเบื้องหลังการถ่ายทำ John Wick ภาคแรก ในฉากคิวบู๊ที่ถ่ายแบบ Long Take ในไนต์คลับนั้น แม้รีฟส์จะโชว์การแสดงคิวบู๊ที่ดุเดือดชนิดแทบไม่พักหายใจ แต่ขณะเดียวกันเขามีไข้ขึ้นสูงถึง 40 องศาเซลเซียส

 เรียกได้ว่ามีอาการป่วยจนสมควรไปนอนโรงพยาบาลมากกว่ามาถ่ายทำ John Wick แต่เนื่องด้วยสปิริตของ คีอานู รีฟส์ ในฐานะนักแสดง เขาจึงได้ถ่ายทำฉากการต่อสู้ที่ยาวนั้นจนเสร็จสมบูรณ์ แถมตัวผู้กำกับยังบอกด้วยว่า รีฟส์เรียนรู้ และจดจำคิวต่อสู้ร่วมกับสตันท์แมนทุกคนได้แบบเป๊ะ 100% เลยทีเดียว

3. เกือบจะไม่มีฉากหมาตาย

เหตุการณ์ที่หมาของ จอห์น วิก ถูกฆ่านั้นเป็นไอเดียมาของ โคลสตาด ผู้เขียนบท โดยพล็อตเรื่องนี้ถูกใส่ไว้ในบทหนังฉบับร่างแรก แม้ทีมเขียนบทจะช่วยกันปรับปรุงเนื้อหาออกไปอีกกี่ร่าง แต่เรื่องราวหมาตายก็ยังถูกคงไว้ เมื่อบทหนังไปถึงระดับผู้บริหารสตูดิโอ ซึ่งได้อ่านแล้วก็รู้สึกกังวลกับฉากหมาตาย เพราะขัดกับธรรมเนียมของฮอลลีวูดที่มักจะไม่โอเคกับฉากหมาตายเท่าไหร่นัก ทางทีมผู้บริหารจึงแนะนำให้ตัดเรื่องหมาตายออกไป เพราะกลัวจะกระทบกระเทือนจิตใจคนดู

เดเร็ก โคลสตาด พยายามแย้งว่า เหตุการณ์หมาตาย คือจุดขายของหนัง อีกทั้งยังเป็นการเปิดเผยจิตวิญญาณและตัวตน จอห์น วิก ให้คนดูได้เข้าถึง ด้านสองผู้กำกับอย่าง แชด สตาเฮลสกี้ (Chad Stahelski) และ เดวิด ลีตช์ (David Leitch) ต่างก็เห็นด้วยและพอใจกับพล็อตเรื่องแบบนี้แล้ว จึงเกิดการโต้แย้งกับทีมผู้บริหารอย่างที่สุด จนสุดท้ายฉากนี้ก็ถูกคงไว้และกลายเป็นเรื่องราวที่ดึงดูดผู้คนให้มารับชมหนังเรื่องนี้

4. จอห์น วิก เกือบมีลูกสาว

กว่าจะมีพล็อตและบทของภาค 2 ทีมผู้สร้างเคยมีไอเดียที่ต้องการให้เนื้อเรื่องบอกเล่าเรื่องราวลูกสาวของ จอห์น วิก มาแล้ว

หลังได้รับผลตอบรับที่ดีในภาคแรก ทีมผู้สร้างก็พยายามจะหาเรื่องราวเพื่อปูทางต่อยอดให้ตัวละคร จอห์น วิก ในภาคต่อ ๆ ไป และมีอยู่พล็อตเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ แต่ถูกตัดออกไป นั่นก็คือฉากที่ จอห์น วิก ต้องไปช่วยลูกสาวจากตัวร้าย 

แต่ยังไม่แน่ชัดว่า ตัวละครลูกสาวนั้นมาจากไหน หรือเป็นลูกสาวของ เฮเลน วิก ภรรยาผู้ล่วงลับหรือไม่ โชคดีที่ตัวหนังไม่ได้ลงเอยด้วยพล็อตแบบนั้น ไม่งั้น คีอานู รีฟส์ อาจถูกนำไปล้อกับหนัง ‘Taken’ ของลุง เลียม นีสัน ก็เป็นได้

5. ฉากสู้ในห้องกระจก ได้รับแรงบันดาลใจจากหนัง บรูซ ลี

หลังจากที่ผู้กำกับสตาเฮลสกี้ ไฟเขียวให้ทำภาคสองต่อ เขานึกถึงฉากการต่อสู้ในห้องกระจก จากหนังเรื่องสุดท้ายในชีวิตของ บรูซ ลี (Bruce Lee) อย่าง Enter the Dragon

John Wick 4

ถึงแม้ว่าซีนการต่อสู้ในห้องกระจกที่สตาเฮลสกี้สร้างไว้ในภาคสองจะไม่ได้เหมือนกับฉากบู๊ของ บรูซ ลี แบบเป๊ะ ๆ แต่ซีนดังกล่าวนี้ก็เต็มไปด้วยสไตล์ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องนั้น แถมออกจะเหมือนไปทางหนัง เจมส์ บอนด์ ตอน The Man with The Golden Gun

6. การเลือกใช้ ‘โลเคชัน’ เดียวกัน กับหนัง ‘Spider-Man’

ใน John Wick ภาค 2 ฉากที่จอห์นกำลังคุยกับ ‘วินสตัน’ บนหลังคาตึกคอนติเนนทัลนั้น เป็นโลเคชันเดียวกันกับที่ใช้ถ่ายทำหนัง ‘Spider-Man ปี 2002’ ในฉากที่สไปเดอร์แมนช่วยเหลือ แมรี เจน ได้สำเร็จจาก กรีน กอบลิน แสดงโดย วิลเลม เดโฟ ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงของ ‘John Wick’ ภาค 1 โดยสถานที่ดังกล่าวคือ ดาดฟ้าของตึกร็อกกี้เฟลเลอร์ บนถนนฟิฟธ์ อเวนิวในมหานครนิยอร์ก ซึ่งอาจจะฟังดูเป็นเรื่องของการถือโชคลางนั่นเอง

7. ฮัลลี แบร์รี ถูกส่งไปฝึกกับหมาหลายเดือน

นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ฮัลลี แบร์รี (Halle Berry) รับบทโซเฟียในภาค 3 ถูกส่งไปฝึกกับหมาพันธ์ุ ‘เบลเยี่ยม มาลินอยส์’ อยู่หลายเดือน เพื่อสร้างความผูกพันกับหมาให้เหมือนกับเป็นเจ้าของจริง ๆ เพื่อที่จะทำให้หมาแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด

ผู้กำกับสตาเฮลสกี้ เล่าว่าถึงแม้ว่าในหนังเราจะได้เห็นน้องหมาแค่ 2 ตัว แต่จริง ๆ แล้ว ขณะถ่ายทำจริง พวกเขาต้องใช้หมามากถึง 5 ตัวสำหรับฉากต่าง ๆ

8. คีอานู รีฟส์ ขอเล่นคิวบู๊ด้วยตัวเอง

คีอานู รีฟส์ เป็นนักแสดงที่มักจะเล่นฉากสตันต์ด้วยตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ใน ‘John Wick : Chapter 4’ คีอานู รีฟส์ ใช้เวลาฝึกคิวบู๊หนักถึง 3 เดือน โดยเขาต้องฝึกใช้กระบอง 2 ท่อนเพื่อเข้าฉาก อีกทั้งยังมีซีนที่เขาต้องดริฟต์รถด้วยตัวเอง รอบ ๆ ประตูชัยในกรุงปารีส

John Wick 4

คีอานู รีฟส์ เล่าว่า เขาต้องหัดดริฟต์รถแล้วหมุนวน 180 องศา แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเปลี่ยนแม็กกาซีนกระสุนปืนไปด้วย จากนั้นก็สาดกระสุนผ่านประตูรถออกมา เมื่อเห็นคิวบู๊เดือดขนาดนี้ เจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่า ‘John Wick 4’ คือผลงานการแสดงที่เขาต้องใช้พละกำลังอย่างหนักหน่วงที่สุดในอาชีพการแสดงเขาเลยทีเดียว

9. คีอานู รีฟส์ ซื้อ Rolex แจกสตันท์แมน

ในระหว่างเดินทางไปถ่ายทำ ‘John Wick : Chapter 4’ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส คีอานู รีฟส์ พาสตันต์แมน 4 คน ของเขาไปเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหารเลอ บิสโตร ปอล แบค และมอบนาฬิกา Rolex Submariner Date ที่มีการสลักข้อความพิเศษ และชื่อของทุกคนไว้ด้านหลังตัวเรือนให้กับทุกคนอีกด้วย โดยนาฬิกาทั้งหมดนี้คือของขวัญที่เขาตั้งใจมอบให้สตันท์แมนทั้ง 4 เพื่อตอบแทนความทุ่มเทและการเสี่ยงชีวิตแทนเขา

10. บทหนังร่างแรกมีคนตาย 3 ราย

จากหนังที่เราจะมักจะได้เห็นภาพ จอห์น วิก สังหารศัตรูตลอดเวลา จนฉากการตายกลายเป็นภาพจำของคนดูไปแล้ว ครั้งหนึ่งผู้กำกับสตาเฮลสกี้ เคยออกมาเปิดเผยว่า แท้จริงแล้วในบทหนังร่างแรกเขาตั้งใจให้ มีคนตายในหนังเพียง 3 คนเท่านั้น แถม 2 จาก 3 คนนั้น ตายเพราะอุบัติเหตุรถชนด้วยความประมาทอีกต่างหาก

ท้ายที่สุดทีมผู้สร้างจึงตัดสินใจเปลี่ยนบทโดยเน้นการนองเลือดเพื่อเป็นจุดขายแทน ซึ่งหากนับตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาค 3 จอห์น วิก ได้สังหารศัตรูของเขาไปกว่า 284 คน 

ต้องรอดูกันว่า John Wick 4 จำนวนชีวิตที่จะต้องสังเวยให้กับวิกในภาค 4 นั้น จะไปหยุดที่ตัวเลขเท่าไหร่กันแน่