กัมพูชาไม่หยุด ยิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม ไทยสู้กลับตามยุทธวิธี
ย้อนกลับไปในความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ประเด็นหนึ่งที่เคยสร้างความตกตะลึงและจุดกระแสความตึงเครียดอย่างรุนแรง คือการที่กองทัพกัมพูชาได้ใช้ จรวด BM-21 ยิงเข้าใส่พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นหนึ่งในปราสาทหินโบราณที่ตั้งอยู่บนพรมแดน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อโบราณสถานอันทรงคุณค่า แต่ยังเป็นการยกระดับความรุนแรงของการปะทะในขณะนั้นอีกด้วยอ่านผลข่าวเพิ่มเติม
โดย กัมพูชาไม่หยุด ยิงจรวด BM-21 Grad คือระบบจรวดหลายลำกล้อง (MLRS) ขนาด 122 มม. ที่พัฒนาโดยสหภาพโซเวียต มีชื่อเสียงด้านอำนาจการยิงที่รุนแรงและครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง โดยรถยิงหนึ่งคันสามารถบรรทุกจรวดได้ถึง 40 ลูก และยิงออกไปได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการทำลายล้างเป็นวงกว้าง การที่กัมพูชานำจรวดชนิดนี้มาใช้ในพื้นที่พิพาท แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะสร้างแรงกดดันและเพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีต่อฝ่ายไทย
ทำไมต้องปราสาทตาเมือนธม?
ปราสาทตาเมือนธมเป็นโบราณสถานสำคัญที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทเรื่องแนวเขตแดน การโจมตีด้วยจรวด BM-21 เข้าใส่พื้นที่นี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการโจมตีทางทหารเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองที่แข็งกร้าว และอาจมุ่งหวังทำลายขวัญกำลังใจ รวมถึงสร้างความเสียหายทางวัฒนธรรม
ไทยโต้กลับอย่างไร? แม้จะถูกยั่วยุด้วยการใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงเช่นจรวด BM-21 กองทัพไทยก็ยังคงยึดมั่นใน ยุทธวิธี ที่รัดกุมและรอบคอบ โดยเน้นการตอบโต้ที่แม่นยำและเป็นไปตามหลักสากล เพื่อลดความสูญเสียและไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่าที่ควรจะเป็น การตอบโต้ของไทยมุ่งเป้าไปที่ฐานที่มั่นทางทหารของกัมพูชาอย่างจำเพาะเจาะจง ไม่ได้มุ่งทำลายล้างแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพและวินัยของกองทัพไทย
เหตุการณ์การยิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธมเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของความขัดแย้งบริเวณชายแดน และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธีและการเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงและการทำลายล้างที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
เครดิต sanook.com