การแข่งขันฟุตบอล Premier League อังกฤษ ฤดูกาล 2025/26 ที่สนามเอติฮัด สเตเดียม เป็นศึกบิ๊กแมตช์ระหว่าง เรือใบสีฟ้า เปิดบ้านชนะ หงส์แดง
ผลการแข่งขันปรากฏว่าเจ้าถิ่นโชว์ฟอร์มสุดร้อนแรง ถล่มเอาชนะไปอย่างขาดลอย 3-0 ท่ามกลางเสียงเฮกึกก้องจากแฟนบอลเจ้าถิ่น อ่านผลข่าวเพิ่มเติม
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ลงคุมทีมครบ 1,000 นัดในอาชีพ เกมนี้ปรับ 2 ตำแหน่งจากเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ส่ง แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ รายาน แชร์กี สตาร์ทตัวจริง ประสานแนวรุก ฟิล โฟเด้น เจเรมี่ โดกู โดยมี เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ลงล่าตาข่าย ในศึก Premier League 2025/26
อาร์เน่อ สล็อต ยึดชุดเกมชนะ เรอัล มาดริด แผงมิดฟิลด์ใช้ ไรอัน กราเฟนแบร์ก เล่นคู่กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ส่วนแนวรุก ฟลอเรียน เวียตซ์ ลงสร้างสรรค์เกมร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และ โดมินิค โซบอสซ์ไล ขณะที่ อูโก้ เอกิติเก้ หน้าเป้า ด้าน อเล็กซานเดอร์ อิซัค มีชื่อสำรอง
นาที 8 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นครั้งแรกจาก โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ วิ่งเบียดแย่งบอลกับ รูเบน ดิอาส ก่อนจะยิงด้วยขวาเบาเกินไป จานลุยจิ ดอนนารุมม่า รับบอลเอาไว้ได้สบายๆ
นาที 11 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้จุดโทษ จากจังหวะ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ วิ่งออกมาเซฟแต่ว่าหัวเข่าไปโดนเท้าของ เจเรมี่ โดกู ล้มลง ผู้ตัดสินเดินไปเช็ก VAR ให้เป็นจุดโทษ
จากนั้นนาที 13 เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ รับหน้าที่สังหาร แต่ นายทวารหงส์แดง แก้ตัวจากความผิดพลาดได้สำเร็จ พุ่งปัดออกไปช่วยให้ลิเวอร์พูล รอดจากการเสียประตู
นาที 18 เจเรมี่ โดกู วางให้ รายาน แชร์กี ยิงด้วยซ้ายแฉลบ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ลอยออกหลังไป
นาที 29 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะ มาเตอุส นูเนส โยนบอลเข้ามาให้เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ โหม่งย้อนกลับมาที่เสาแรกเข้าประตูไป และเป็นประตูที่ 14 ของเจ้าตัว ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
นาที 38 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสได้ประตูตีไข่แตก จากลูกเตะมุมของ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ โยนเข้ามาให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค โหม่งไปทางเสาแรกตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินยกธง จากนั้นเช็ก VAR ปฎิเสธประตู เนื่องจาก แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า และถูกมองว่าขัดขวางการเล่นของผู้รักษาประตู
นาที 45+3 นิโก้ กอนซาเลซ ซัดไกลด้วยขวาบอลแฉลบ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เปลี่ยนทางเข้าประตูไปให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทิ้งห่าง 2-0
จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ ลิเวอร์พูล 2-0
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาที 52 แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยน ซาวินโญ่ ลงมาเล่นแทน รายาน แชร์กี
นาที 55 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ลุ้นจาก เจเรมี่ โดกู กระชากบอลเข้ามาหน้าปากประตู ก่อนจะยิงด้วยขวาแต่ว่าไปเข้ามือของ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่
นาที 57 ลิเวอร์พูล เปลี่ยน แอนดี้ โรเบิร์ตสัน อูโก้ เอกิติเก้ ออกจากสนาม แล้วส่ง มิลอส เคอร์เคซ และ โคดี้ กัคโป ลงเล่นแทน
นาที 58 คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ครอสเข้ามาให้ โคดี้ กัคโป แปรด้วยซ้ายบอลหลุดกรอบออกไป
นาที 63 เจเรมี่ โดกู ซัดไกลด้วยขวาอย่างสวยบอลพุ่งเข้าประตูไปให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทิ้งห่าง 3-0
นาที 76 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นจาก โดมินิค โซบอสซ์ไล ยิงด้วยขวาเต็มข้อแต่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ปัดออกไปได้
นาที 80 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทอง จากจังหวะ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ยิงด้วยซ้ายหนีมือ ดอนนารุมม่า หลุดเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 84 หงส์แดง ส่ง โจ โกเมซ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า ลงสนามแทน คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ กับ ฟลอเรียน เวียตซ์
จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มดุ เปิดบ้านถล่ม ลิเวอร์พูล 3-0 ทำให้ “เรือใบสีฟ้า” มีเพิ่มเป็น 22 แต้ม ยึดรองจ่าฝูง ตามหลัง อาร์เซน่อล 4 แต้ม ส่วน “หงส์แดง” มี 18 แต้มเท่าเดิม ตกลงมาอยู่อันดับ 8 ของตาราง ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีประตูได้เสียดีกว่า ขยับมาอยู่ที่ 7 ของตาราง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง
แมนฯ ซิตี้ (4-1-4-1) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า – มาเตอุส นูเนส, รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, นิโก้ โอไรลีย์ – นิโก้ กอนซาเลซ – แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ฟิล โฟเด้น, รายาน แชร์กี, เจเรมี่ โดกู – เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ – คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน – ไรอัน กราเฟนแบร์ก, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โดมินิค โซบอสซ์ไล, ฟลอเรียน เวียตซ์ – อูโก้ เอกิติเก้
เครดิต pptvhd36

