ไม่เคยยอมแพ้ stamp โชว์หัวใจแกร่งฝ่าอาการเจ็บคืนเวทีศึก ONE 173
“แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ยอดนักสู้สาวจากระยอง อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวต (105-115 ป.) 3 กติกา (มวยไทย, คิกบ็อกซิ่ง และ MMA) ยอมรับต้องใช้แรงใจอย่างมหาศาลในการเอาชนะอาการบาดเจ็บหนัก ก่อนจะกลับมาขึ้นสังเวียนให้แฟน ๆ หายคิดถึงในรอบกว่า 2 ปี โดยจะพบกับ “คานะ โมริโมโตะ”อ่านผลข่าวเพิ่มเติม
โดย stamp คู่ชกซูเปอร์สตาร์สาวชาวญี่ปุ่น ในการสู้กันภายใต้กติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต ในศึกใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ ONE 173 ที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย. 68 ณ สนามอาริอาเกะ อารีนา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เริ่มคู่แรกเวลา 11.00 น.
ย้อนกลับไปในเดือน พ.ค. 65 “แสตมป์” ต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในเส้นทางนักสู้ เมื่อเธอได้รับบาดเจ็บหมอนรองกระดูกเข่าซ้ายฉีกระหว่างฝึกซ้อม ซึ่งหลังจากต้องพักรักษาตัวนานถึง 2 ปี ตอนนี้ “แสตมป์” กลับมาฟิตเต็มถังพร้อมขึ้นสังเวียนอีกครั้ง โดยได้เล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่เธอต้องต่อสู้กับความยากลำบากทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
“ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่น้อย เพราะจากที่เคยซ้อมมวยทุกวัน กลับต้องหันมาทำกายภาพบำบัดแทน พอคิดว่าร่างกายเริ่มดีขึ้นและกลับมาซ้อมได้ ก็ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อพบว่ายังไม่พร้อม ต้องวนกลับไปเริ่มกระบวนการรักษาใหม่ทั้งหมด”
“แต่ละวันต้องใช้กำลังใจอย่างมาก เพราะการบาดเจ็บถึงขั้นต้องผ่าหัวเข่าไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนแนะนำให้หนูเลิกมวย เพราะไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว แต่ในใจหนูรู้ดีว่ายังมีเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเองรออยู่ รู้สึกว่ายังไปได้ไกลกว่านี้ และอยากทำให้เต็มที่ในเส้นทางของนักสู้”
สำหรับคู่ชกดีกรีอดีตแชมป์ K-1อย่าง “คานะ” แม้จะได้เปรียบจากการชกในบ้าน แถมยังมีประสบการณ์คิกบ็อกซิ่งเหนือกว่า แต่ “แสตมป์” ที่ในอดีตเคยเป็นถึงเจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต ก็ไม่หวั่นใจ โดยพร้อมขนอาวุธหนักเข้าถล่มตามสไตล์ถนัด เพื่อเก็บชัยชนะมาฉลองวันเกิดครบรอบ 28 ปี ซึ่งตรงกับวันแข่งขันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย. พอดี
“กุญแจสำคัญที่จะทำให้หนูได้รับชัยชนะครั้งนี้คือความรุนแรงของอาวุธ หนูตั้งใจจะเตะเขาให้หนัก ๆ เอาให้ถึงขั้นแขนห้อยและต้องหยุดชะงักไปเลย และนอกจาก Calf Kick (คาล์ฟคิก หมายถึงการเตะเจาะยางบริเวณน่อง) ที่หนูซ้อมมาอย่างหนักแล้ว หนูยังเตรียมลูกฮุกขวาและอัปเปอร์คัตมาด้วยค่ะ”
“หนูมั่นใจในตัวเองเสมอ แต่สิ่งเดียวที่ต้องการคือขอแค่ชนะก็พอ หนูอยากแสดงให้เขารู้ว่า หนูไม่ได้มาเป็นขั้นบันไดให้ใครปีน ถ้าคิดจะผ่านหนูก็ต้องเหนื่อยหน่อย หนูจะทำให้เต็มที่เพื่อโชว์ศักยภาพและพิสูจน์ว่า แสตมป์ ยังไปได้ไกลกว่านี้”
เครดิต sanook.com

