กิตตา เพื่อนเก๋ไก๋ แฉอุงเอิง ไม่ขอโทษยังขู่ฟ้องกลับ 6 ปีก่อน

กิตตา เพื่อนเก๋ไก๋ สไลเดอร์ แฉ อุงเอิง ยอมลาออกไม่ยอมขอโทษ อีกทั้งยังขู่ฟ้องกลับ

ยังคงเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลเมื่อ กิตตา เพื่อนสนิทของ “เก๋ไก๋สไลเดอร์” ออกมาแฉอีกฝ่าย ไม่ยอมลบคลิป ไม่ยอมขอโทษเองให้ “สไปร์ท” ขอโทษแทน อีกทั้งยังเคยขู่ฟ้อง อ่านข่าวเพิ่มเติม

กิตตา เพื่อนเก๋ไก๋ สไลเดอร์ ออกมาเล่าเรื่องดราม่า อุงเอิง ที่เกิดขึ้น

สำหรับดราม่ายูทูบเบอร์สาว อุงเอิง สัณห์สิริ ที่ซึ่งเธอได้ออกมาขอโทษผ่านสตอรี่ไอจีแล้วครั้งหนึ่ง แต่ถูกเพื่อนสนิทของหนุ่ม สไปร์ท เข้ามาซัดกลับแรงว่าเป็นการขอโทษไม่ตรงประเด็น ก่อนที่ต่อมาบัญชีติ๊กต็อกส่วนตัวของเธอขึ้นสถานะว่าถูกแบนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

กระทั่งวานนี้ 6 มี.ค. 67 อุงเอิง ได้ออกมาประกาศลาออกจากบริษัท NO.1 ทุกตำแหน่ง พร้อมขอโทษทุกคนที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร้อนตามมาไม่หยุด เพราะหลายคนมองว่าที่เจ้าตัวควรขอโทษคือ เก๋ไก๋ และ ยู นั่นเอง

ประเด็นล่าสุดด้าน กิตดา เพื่อนสนิทของ เก๋ไก๋ ได้ออกมาไลฟ์สดผ่านช่องติ๊กต็อกของตัวเองว่า “ทางเราได้มีการเทคแอคชั่นแบบดี มีมารยาท พี่ฝ้ายได้มีการทักไปส่วนตัวไปหาฝ่ายหญิงเจ้าของคลิป และพี่ฝ้ายได้มีการเทคแอ็กชั่นตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่คลิปมีการออนแอร์ หลังจากที่เราได้ทราบว่ามันมีการได้นำคลิปวิดีโอบางส่วนของช่องเราไปใช้

เราได้มีการปรึกษากันว่าเราจะมีการเทคแอ็กชั่นกับตรงนี้อย่างไรดี พูดในเรื่องของลิขสิทธิ์อย่างเดียวนะ ไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกันมาก่อน แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นของความถูกต้อง เอาจริงๆ นะมันเคยมีประเด็นที่ยูทูบเบอร์หลายช่องที่เอาคลิปพวกนี้มาใช้แล้วโดนโจมตี เพราะมันเป็นเรื่องลิขสิทธิ์

จากนั้น พี่ฝ้าย ทักไปเตือนด้วยถ้อยคำที่สุภาพว่า “รบกวนตรวจสอบคลิปแก้ไขและตัดต่อให้ลบช่วงช็อตนั้นออก” เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าถ้าปล่อยไว้จะต้องมีคนจับผิดประเด็นนี้แน่นอน ถ้าเราไม่หวังดีเราคงไม่ทักไปบอกนะ แต่นี่เราได้มีการทักไปเตือนแล้ว

แต่ข้อความที่ตอบกลับไม่น่ารักเลยในมุมที่เด็กคุยกับผู้ใหญ่ สิ่งที่ตอบกลับมาก็คือมีการย้อนคำพูดที่พี่ฝ้ายพิมพ์ไปว่า “รบกวนตรวจสอบคลิปให้ถี่ถ้วนก่อนเผยแพร่” และมีการสวนคำนี้กลับมาว่า “ทางเราตรวจสอบถี่ถ้วนแล้ว” และมีคำพูดที่ว่าคลิปนี้ถ่ายติดหน้าเขาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แต่ไม่มีการขออนุญาตเขาและนำหน้าเขามาเผยแพร่

ขอพูดตรงนี้ว่า 6 ปีที่แล้วยังไม่มีกฎหมาย PDPA ซึ่งถ้าสมมติคุณไม่พอใจที่เอาหน้าคุณไปออก ทำไมไม่ทักมาให้เราลบตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว แต่วันนี้คุณนำคลิปที่ติดหน้าคุณมาใช้ซึ่งคลิปนั้นมันเป็นลิขสิทธิ์ของเราไปแล้ว และมีการพิมพ์กลับมาอีกคำที่ทำให้เรารู้สึกว่า โอเคเราไม่ขอสนทนาด้วย ขอไม่ยุ่งเลย เพราะมีการบอกว่า “ยืนยันที่จะไม่ลบถ้ามีปัญหาติดต่อทนาย”

ทางเราไม่ได้โต้ตอบและพี่ฝ้ายได้ทิ้งข้อความสุดท้ายที่พิมพ์ไปก็คือ “น้องรู้เรื่องลิขสิทธิ์ดีใช่ไหมคะ” และเขาไม่อ่าน พี่ฝ้ายเองก็ได้แคปหน้าแชทอันนี้ส่งไปให้ทางฝั่งผู้ชายด้วยว่า “ทักไปแล้วฝากรบกวนตรวจสอบด้วยนะคะ” แต่ไม่มีเทคแอคชั่นใด ๆ กลับมาเลยในท่าทีที่ว่ารู้สึกผิด หรือเข้าใจในเรื่องลิขสิทธิ์ว่ามันไม่ถูกต้อง

เขาไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดเลย จนถึงวันที่เขาออกมาโพสต์ขอโทษครั้งแรก ก็ไม่ได้มีข้อความที่จะสื่อถึงว่าเขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เขาละเมิดลิขสิทธิ์ จนข้อความว่าสุดก็ยังไม่มีข้อความที่จะเอ่ยถึงเรื่องลิขสิทธิ์แม้แต่คำเดียว และเขาไม่เคยทักมาขอโทษเป็นการส่วนตัวนะ แต่ฝ่ายชายได้ทักมาขอโทษแทน

ขอพูดเลยนะ 100% เก๋ไก๋ไม่เคยอะไรเลยนะ เก๋ไก๋ไม่รู้เรื่อง มีแต่xูเองคิดว่าเขาไม่มีเพื่อนแนะนำเหรอ เขาไม่มีเพื่อนคอยเตือนเหรอ แบบมันสุดโต่งไป มันผิดจริง ๆ นะ ทางออกที่ดีที่สุดคือแบบนี้นะ คือเพื่อนยูไปไหน ช่วยกันแก้ปัญหาสิ แบบคำแนะนำว่ายูจบได้สวยกว่านี้ คือยูจบแบบนี้มันไม่ใช่การจบ

สุดท้ายคนอื่นก็ยังถามหาสิ่งที่มันขาดหายไป แล้วยูก็ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรจะเป็น นั่นเพราะว่าคุณไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่คุณทำมันผิดเลย คุณยังเข้าใจลึก ๆ ว่าสิ่งที่คุณทำมันถูกแล้ว ซึ่งมันไม่ถูก มันคือลิขสิทธิ์

ทางเราบอกไว้เลยว่าเราไม่ฟ้องเรา ไม่อะไร เราไม่ได้ไปวอรี่เรื่องนั้น เราทักไปเตือนเพราะเรารู้ อย่าหาว่าพี่สอนเพราะพี่อยู่มาก่อน เรามันเก๋า เราเก่ากว่าหมายถึงช่องเราเจอมาเยอะกว่าจะผ่านมาได้เรารู้ว่าอะไรมันเป็นไฟ ที่มันจะจุดให้มันเกิดดราม่าได้

เราเห็นเรารีบดับ เห็นปุ๊บเรารีบเตือน เพราะเราว่ามันคือวงการเดียวกัน เราเห็นเรารีบแก้ เห็นปะพอไม่แก้มันก็ลามไปหมด แค่คลิปเดียวมันหลายเรื่อง ถ้าตัดไปหนึ่งมันจะเบาไปเยอะ เพราะนี่เป็นเรื่องหนึ่งเรื่องสองคือ.. ไม่มีเพื่อนเหรอ เชื่อคนอื่นบ้าง บางอย่างอย่ายึดมั่นถือมั่นเกิน”

อีกทั้งชาวโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการกระทำของอุงเอิงยับ