เอเวอร์แกรนด์ เจ้าพ่ออสังหาฯ จีน ยื่นล้มละลายในสหรัฐฯ หลังแบกหนี้กว่า 3 แสนล้านดอลลาร์
Evergrande Group ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีน ยื่นขอการคุ้มครองกรณีล้มละลายในสหรัฐฯ แล้ว ท่ามกลางวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีนที่รุนแรงมากขึ้น อ่านข่าวเพิ่มเติม
การยื่นขอคุ้มครองล้มละลายตามกฎหมายสหรัฐฯ หมวดที่ 15 ต่อศาลนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 17 ส.ค. จะช่วยให้ Evergrande ที่กำลังติดหนี้สินมหาศาล สามารถคุ้มครองทรัพย์สินของทางบริษัทในสหรัฐฯ ได้ ระหว่างที่กำลังเดินหน้าทำข้อตกลงกับผู้ปล่อยสินเชื่อ เพื่อกู้เงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาชำระหนี้
China Evergrande Group ประสบปัญหาผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่เมื่อปี 2021 จนสร้างแรงกระเพื่อมต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และการยื่นขอการคุ้มครองล้มละลายในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความน่าวิตกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทกำลังพยายามเจรจาข้อตกลงกับผู้ปล่อยกู้สินเชื่อมาอย่างต่อเนื่อง นับแต่ผิดนัดชำระหนี้เมื่อปี 2021
ปัจจุบัน ประเมินว่าทางบริษัทมีหนี้สินมากถึง 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 10.6 ล้านล้านบาท หุ้นทางบริษัท ถูกระงับการซื้อขายมาตั้งแต่เดือน มี.ค. 2022
ไม่เพียงเท่านี้ Evergrande ได้เปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า ได้สูญเสียทุนทรัพย์ไปมากถึง 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์อีกแห่งของจีน อย่าง คันทรี การ์เดน (Country Garden) เตือนว่า อาจขาดทุนถึง 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีนี้
และไม่เพียงเท่านี้ Evergrande และคันทรี การ์เดน เท่านั้น แต่บริษัทขนาดใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ในจีนอีกหลายแห่ง ก็กำลังประสบปัญหาในการหาเงินทุนมาดำเนินโครงการให้เสร็จลุล่วง
“กุญแจสำคัญในเรื่องนี้ คือการดำเนินโครงการที่สร้างค้างไว้ให้สำเร็จ เพราะอย่างน้อยก็จะทำให้การเงินหมุนไปได้” สตีเฟน โคเครน จากบริษัทวิจัยด้านเศรษฐกิจ มูดีส์ อะนาลีติกส์ กล่าว
เขากล่าวเสริมว่า บ้านหลายแห่งของ Evergrande เป็นบ้านแบบพรีเซล ซึ่งลูกค้าสามารถชำระเงินมัดจำไว้ล่วงหน้า และจ่ายส่วนที่เหลือในวันที่กำหนด ดังนั้น หากการก่อสร้างหยุดชะงักไป ผู้ซื้อก็จะไม่ผ่อนชำระค่างวดอีกต่อไป และยิ่งทำให้การเงินของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประสบปัญหา
ช่วงเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลของจีนเผยว่า เศรษฐกิจจีนได้ก้าวสู่ภาวะเงินฝืดแล้ว หลังดัชนีราคาผู้บริโภคลดต่ำลงในเดือน ก.ค. ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
ไม่เพียงเท่านี้ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนตัดลดดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางความประหลาดใจของผู้สังเกตการณ์ โดยเป็นความพยายามเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
เอเวอร์แกรนด์ เจอปัญหาอะไร และใหญ่เกินปล่อยให้ล้มหรือไม่
Evergrande เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของจีนด้วยการกู้ยืมเงินมากกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10 ล้านล้านบาท) เมื่อไม่กี่ปีก่อน
ในที่สุดรัฐบาลจีนก็ได้บังคับใช้กฎเกณฑ์ใหม่ในการควบคุมปริมาณหนี้ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ทำให้เอเวอร์แกรนด์ ต้องเสนอขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทออกไปในราคาต่ำ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเงินไหลเข้ามาในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ความไร้เสถียรภาพที่เกิดขึ้นนี้ ประกอบกับบริษัทต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยชำระหนี้มหาศาลที่ถืออยู่ ทำให้มูลค่าหุ้นของเอเวอร์แกรนด์ ลดลงถึง 85% เมื่อปี 2021 ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือก็ลดลงจนดิ่งลงเหว
ผลกระทบร้ายแรงจากแนวโน้มการล้มละลายของบริษัทที่มีหนี้สินมหาศาล ทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนได้เสนอให้รัฐบาลจีนเข้ามาช่วยเหลือ
แมตที เบคิงก์ จากอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (Economist Intelligence Unit-EIU) กล่าวว่า “แทนที่จะเสี่ยงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นกับห่วงโซ่อุปทาน และสร้างความไม่พอใจต่อเจ้าของบ้าน เราคิดว่ารัฐบาลน่าจะหาทางในการสร้างความมั่นใจว่า ธุรกิจหลักของ Evergrande จะอยู่รอดได้”
แต่จุดยืนของรัฐบาลจีนผู้ออกมาตรการที่นำมาสู่ปัญหาของ Evergrande คือ การมอบเงินช่วยเหลือก้อนใหญ่เพื่อช่วยบริษัทใดบริษัทหนึ่ง จะเป็นการสร้างตัวอย่างที่ไม่ดี
การล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์ จะส่งผลอย่างไร
ผลกระทบแบ่งออกได้เป็น 3 ประการใหญ่ ๆ
- คนจำนวนมากซื้ออสังหาริมทรัพย์จาก Evergrande ก่อนที่จะเริ่มมีการก่อสร้าง พวกเขาจ่ายค่ามัดจำแล้วและอาจจะเสียเงินจำนวนนั้นไป ถ้าบริษัทล้มละลาย
- หลายบริษัททำธุรกิจร่วมกับ Evergrande อาทิเช่น บริษัทออกแบบ บริษัทก่อสร้าง และบริษัทขายวัสดุต่าง ๆ ซึ่งจะเสี่ยงต่อการล้มละลายเช่นกัน
- ผลกระทบต่อระบบการเงินของจีน
เมื่อปี 2021 แมตที เบคิงก์ จาก อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ซึ่งเป็นหน่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจของนิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ กล่าวว่า “ผลกระทบทางการเงินจะกว้างมาก มีรายงานว่า Evergrande มีหนี้กับธนาคารในประเทศ 171 แห่ง และบริษัททางการเงินอื่น ๆ อีก 121 แห่ง”
หากผิดนัดชำระหนี้ธนาคารและผู้ให้กู้อื่น ๆ ก็จะปล่อยกู้ได้น้อยลง นำไปสู่ปัญหาสินเชื่อที่ตึงตัว หรือ เครดิต ครันช์ (credit crunch) ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายสำหรับจีน เพราะบริษัทต่าง ๆ ที่ไม่สามารถกู้ยืมได้จะขยายตัวได้ยาก และในบางกรณีจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ผลทางอ้อมคือ ความน่าลงทุนในสินทรัพย์จีนก็ลดลงในหมู่นักลงทุน
ย้อนดูธุรกิจของเอเวอร์แกรนด์
สวี่ เจียอิ้น ก่อตั้ง Evergrande ในอดีตเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เหิงต้า กรุ๊ป (Hengda Group) ขึ้นในปี 1996 ในนครกว่างโจว ทางตอนใต้ของจีน
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ปัจจุบันเป็นเจ้าของโครงการต่าง ๆ มีมากกว่า 1,300 แห่ง กว่า 280 เมืองทั่วประเทศจีน
Evergrande Group ขยายธุรกิจออกไปมากกว่าด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ธุรกิจต่าง ๆ ของ Evergrande นั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่การบริหารจัดการความมั่งคั่ง, การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ทางบริษัทยังเป็นเจ้าของหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดของจีนด้วย นั่นคือ กว่างโจว เอฟซี (Guangzhou FC) อีกด้วย
อีกทั้ง ฟอร์บส์ ระบุว่า นายสวี่ มีทรัพย์สินส่วนตัวมูลค่าประมาณ 10.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.54 แสนล้านบาท)
เครดิต BBC.COM
เรื่องราวเพิ่มเติม
อาจารย์เอ จักรพรรดิ ทำไมคนแห่กราบไหว้ ธุรกิจความเชื่อ? 2024
facebook ล่ม 2567 โลกออนไลน์สั่นจำรหัสไม่ได้ หุ้นเมตาร่วง
จีนตั้งเป้าหมาย เศรษฐกิจประจำปี 2024 อันทะเยอทะยาน