เปรียบเทียบ iPhone 17 Pro VS iPhone 17 Air คงหนีไม่พ้น iPhone 17 Pro รุ่นท็อปที่จัดเต็มทุกเทคโนโลยี และ โมเดลใหม่แกะกล่อง
ทำให้เลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียวเห็นแบบนี้แบบนี้ต้องคิดว่ารุ่นไหนที่เรียกว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ก่อนเปิดตัวจะเป็นอย่างไร อ่านผลข่าวเพิ่มเติม
วันนี้ เรามาเปรียบเทียบ iPhone 17 Pro VS iPhone 17 Air รุ่นไหนที่น่าสนใจกว่าสำหรับคุณ
1. แบตเตอรี่
เรื่องแรกที่ต้องคือ แบตเตอรี่ต้องบอกว่า ด้วยดีไซน์ที่บางเฉียบของ iPhone 17 Air ทำให้พื้นที่ภายในมีจำกัด ส่งผลให้ต้องใช้แบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่ใน iPhone 17 Pro และ Pro Max ไม่เพียงแต่มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าเป็นทุนเดิม แต่ยังมีข่าวลือว่าในรุ่น Pro Max อาจจะมีความหนาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพื่อขยายขนาดแบตเตอรี่ให้ใหญ่ขึ้นไปอีกระดับ ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวันแบบไร้กังวล
ดังนั้นแล้วต้องมาถามว่าคุณใช้แบบไหน ถ้าคิดว่าต้องใช้งานเครื่องหนักหน่วงตลอดวัน หรือต้องเดินทางบ่อยๆ ไม่สะดวกชาร์จระหว่างวัน iPhone 17 Pro คือคำตอบที่ชัดเจนและไม่ต้องสงสัย
2. ระบบกล้องหลัง
จากข้อูมหลุดได้เปิดเผยว่า iPhone 17 Air พบว่าจะได้กล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซล แต่คุณภาพดี แค่มีเลนส์เดียวเท่านั้น
แต่ทางกลับกันเป็น iPhone 17 Pro จะมีกล้อง 3 เลนส์หลักไม่ว่าจะเป็น
กล้องหลัก (Main): 48MP
กล้องเทเลโฟโต้ (Telephoto): 48MP สำหรับการซูมแบบ Optical ที่ให้ภาพคมชัด ไม่สูญเสียรายละเอียด
กล้องอัลตร้าไวด์ (Ultra Wide): 48MP สำหรับเก็บภาพมุมกว้าง
ดังนั้นแล้วต้องบอกว่าสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป กล้องเดี่ยวของ 17 Air ก็เพียงพอ แต่ถ้าคุณต้องการความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพ ทั้งการซูมระยะไกล ถ่ายภาพบุคคล หรือเก็บภาพวิวทิวทัศน์แบบอลังการ iPhone 17 Pro คือตัวจบอย่างแท้จริง
3. จอภาพ
ปกติถ้าเป็นรุ่นของ iPhone 17 Proข่าวดีสำหรับ iPhone 17 Air คือคาดว่าจะได้รับการอัปเกรดจอภาพครั้งใหญ่ โดยจะมาพร้อม ProMotion (Refresh Rate 120Hz) และฟีเจอร์ Always-On Display ซึ่งเคยเป็นเอกสิทธิ์ของรุ่น Pro มาตลอด
อย่างไรก็ตาม iPhone 17 Pro จะก้าวไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีจอภาพแบบใหม่ที่มีคุณสมบัติ “Anti-Reflective” ซึ่งช่วยลดแสงสะท้อนบนหน้าจอได้อย่างมีนัยสำคัญ คล้ายกับเทคโนโลยี Nano-texture บนจอ Pro Display XDR ทำให้มองเห็นคอนเทนต์ได้ชัดเจนแม้อยู่กลางแจ้งหรือภายใต้แสงไฟจ้า
แต่ในภาพรวมแม้ว่า 17 Air จะได้จอ 120Hz แล้ว แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนกลางแจ้งบ่อยๆ หรือให้ความสำคัญกับประสบการณ์การมองเห็นที่ดีที่สุดในทุกสภาพแสง จอภาพของ iPhone 17 Pro จะมอบความพรีเมียมที่เหนือกว่า
4. ชิป A19 Pro
ต้องบอกว่าสิ่งที่เมหือนกันคือ ทั้งสองรุ่นอาจมาพร้อมชิป A19 Pro และ RAM 12GB เหมือนกัน แต่ “Pro” ในชื่ออาจไม่ได้ทรงพลังเท่ากันเสมอไป มีข่าวลือว่าชิป A19 Pro ใน iPhone 17 Air จะเป็นเวอร์ชันที่ถูกคัดเกรด (Binned Version)
โดยมีการ ปิดการทำงานของ GPU ไป 1 Core เพื่อจัดการด้านความร้อนและการใช้พลังงานในตัวเครื่องที่บางกว่า
นั่นหมายความว่า iPhone 17 Pro จะได้ใช้งานชิป A19 Pro เวอร์ชันเต็มประสิทธิภาพ ที่มีจำนวน GPU Core ครบถ้วน ให้พลังการประมวลผลกราฟิกที่สูงที่สุด
ดังนั้นกับกลายเป็นสำหรับการใช้งานทั่วไปอาจไม่เห็นความแตกต่าง แต่สำหรับสายเกมเมอร์ที่ต้องการเฟรมเรตสูงสุด หรือคนที่ทำงานตัดต่อวิดีโอหนักๆ บนมือถือ พลัง GPU ที่เพิ่มขึ้นมาใน iPhone 17 Pro จะมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหลและดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
5. ฟีเจอร์ลับ
มาถึงเรื่องที่ต้องบอกว่าเป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่มีข่าวลือหนาหูว่า Apple ได้ทำการทดสอบใน iPhone 17 Pro มาสักพักแล้ว นั่นคือ Reverse Wireless Charging ที่จะทำให้คุณสามารถชาร์จอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น AirPods หรือ Apple Watch ได้ง่ายๆ เพียงแค่วางไว้บนด้านหลังของ iPhone
ฟีเจอร์นี้คาดว่าจะเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะรุ่น Pro เท่านั้น และจะเป็นการใช้ประโยชน์จากแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ของรุ่น Pro Max ได้อย่างคุ้มค่า
แต่อย่างไรก็มข้อมูลนี้ยังเป็นเพียงข่าวลือ แต่ถ้าฟีเจอร์นี้มาจริง มันจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ iPhone 17 Pro เป็นศูนย์กลางของ Ecosystem สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ Apple อย่างแท้จริง
แล้วเราควรเลือกแบบไหน?
อ่านจนมาถึงบรรทัดนี้แล้วต้องพูดถึงเรื่องการเลือกระหว่าง iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Air ในครั้งนี้ชัดเจนกว่าที่เคย แล้วรุ่นไหนที่คุ้มค่า วันนี้เรามาสรุปกันครับ
หากคุณคือผู้ที่หลงใหลในดีไซน์ใหม่ล่าสุด ต้องการความบางเบา พกพาสะดวก และประสิทธิภาพที่ทรงพลังเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปจนถึงการเล่นเกมในระดับสูง = iPhone 17 Air
หากคุณคือผู้ที่ชอบมือถือเรือธง ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด, ระบบกล้องที่ยืดหยุ่นและดีที่สุด, แบตเตอรี่ที่อึดทนทาน และฟีเจอร์ระดับโปรที่พร้อมรองรับทุกการใช้งานหนักหน่วง = iPhone 17 Pro
เครดิต sanook