21/05/2024

ผลข่าว ข่าววันนี้ ข่าวล่าสุด อัพเดทข่าวสาร ข่าวสด

ผลข่าว อัพเดทข่าวสาร ข่าวสด ข่าววันนี้ ข่าวล่าสุด 24 ชั่วโมง

แอสปาร์แตมปลอดภัย 2 หน่วยงานองค์การอนามัยโลก (WHO) แจง

แอสปาร์แตมปลอดภัย

แอสปาร์แตมปลอดภัย สองหน่วยงานในสังกัดองค์การอนามัยโลกแจงแทบไร้หลักฐานโยงก่อมะเร็ง

2 หน่วยงานภายในสังกัดองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงถึงรายงานล่าสุดว่าด้วยการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพของ สารให้ความหวานแทนน้ำตาลแอสปาร์แตม (aspartame) อ่านข่าวเพิ่มเติม

โดยกล่าวว่าได้จัดประเภทให้สารดังกล่าวอยู่ในกลุ่ม “เป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็ง” (possibly carcinogenic) ซึ่งหมายถึงมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันต่อการก่อมะเร็งในมนุษย์และสัตว์ทดลองอยู่น้อยมาก จึงไม่เพียงพอจะใช้สรุปได้อย่างแน่นอนว่าเป็นสารก่อมะเร็งจริงหรือไม่

แอสปาร์แตมปลอดภัย

โดยหน่วยงานทั้งสอง ได้แก่องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็ง (IARC) และคณะกรรมการร่วมของผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุเจือปนในอาหาร (JECFA) ประกอบด้วยบุคลากรจากทั้งองค์การอนามัยโลก และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) แถลงถึงประเด็นข้างต้นพร้อมกันเมื่อวันที่ 14 ก.ค.

ซึ่ง IARC กล่าวชี้แจงว่าการจัดให้แอสปาร์แตมเป็นสารในกลุ่ม 2B หรือสารที่เป็นไปได้ว่าจะก่อมะเร็งนั้น ไม่ได้มีหมายความว่าแอสปาร์แตมเป็นสารอันตรายหรือทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพแต่อย่างใด เป็นเพียงการจัดประเภทเพื่อเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า พบหลักฐานยืนยันการก่อมะเร็งแค่ในจำนวนจำกัดไม่กี่กรณีเท่านั้น 

แอสปาร์แตมปลอดภัย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการก่อมะเร็งตับชนิด hepatocellular carcinoma แทบจะไม่พบหลักฐานเลยทั้งในคน ทั้งในสัตว์ และจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ

ดร.ฟรานเชสโก บรังกา ผู้อำนวยการฝ่ายความปลอดภัยทางอาหารและโภชนาการของ WHO ชี้แจงว่า “ผลประเมินสารแอสปาร์แตมของเรา ตั้งอยู่บนวัตถุประสงค์เพื่อจะชี้ให้ประชาชนเห็นว่า แม้จะไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยหากบริโภคในปริมาณที่คนทั่วไปใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาและวิจัยเพิ่มเติม เพื่อให้ทราบถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้”

อีกทั้งผลการศึกษาและประเมินงานวิจัยหลายชิ้นของ JECFA ระบุว่าไม่พบเหตุผลอันสมควรที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริโภคแอสปาร์แตมแต่เดิม ยังคงยืนยันตามคำแนะนำเก่าของตนว่า 

แอสปาร์แตมปลอดภัย

“คนทั่วไปยังสามารถบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลแอสปาร์แตมได้โดยปลอดภัย หากไม่ได้รับเข้าร่างกายในปริมาณมากจนผิดปกติ ซึ่งในหนึ่งวันควรรับประทานไม่เกิน 40 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม”

นั่นหมายความว่า สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม สามารถดื่มน้ำอัดลมที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลราว 200-300 กรัมต่อหนึ่งกระป๋องได้ ในปริมาณสูงสุด 9-14 กระป๋องต่อวัน โดยไม่เป็นอันตรายจากการบริโภคเกินขนาด

เครดิต BBC.COM